- หน้าแรก
- ผลการค้นหา
ตัวเลือกสินค้า
ก.สุรางคนางค์ (กัณหา เคียงศิริ,สุรางค์)
เรียงตาม แนะนำ
- เรียงตาม แนะนำ
- เรียงตาม ราคาขาย
- เรียงตาม วันที่ขาย
- เรียงตาม ชื่อสินค้า
- เรียงตาม ขายดี
- เรียงตาม ให้คะแนน
แสดง 1 ถึง 1 จาก 1 รายการ
10%
600.00
540.00 บาท
ประวัติผู้เขียน (ก. สุรางคนางค์).
กัณหา เคียงศิริ (สกุลเดิม วรรธนะภัฏ) มีนามปากกาว่า "สุรางค์" เกิดเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2454 ที่บ้านคลองบางหลวงเป็นธิดาของพระสุริยภักดี พระตำรวจหลวง กับนางสุริยภักดี (หวั่น) สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 8 จากโรงเรียนราชินีบน และได้เข้าเป็นครูที่โรงเรียนราชินีปากคลองตลาด อยู่ 3 ปี ก่อนลาออกมาประกอบอาชีพนักเขียนจนตลอดชีวิต เคยเป็นเจ้าของและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เมืองทองรายวัน ผู้อำนวยการนิตยสารนารีนาถรายสัปดาห์ และเจ้าของสำนักพิมพ์วรรธนะศิลป์
ก. สุรางคนางค์ เริ่มเขียนเรื่องสั้นเรื่องแรกชื่อมาลินี ลงพิมพ์ในเดลิเมล์วันจันทร์ ในปี พ.ศ. 2473 ขณะเรียนอยู่ชั้นมัธยม 6 นวนิยายเรื่องแรกคือเรื่อง ลูกรักลูกชัง หลังจากออกจากครูแล้ว ในปี 2480 ได้เขียนนิยายเรื่อง หญิงคนชั่ว ต่อมาในปี 2493 นิยายเรื่อง บ้านทรายทอง ที่ลงพิมพ์ในปิยะมิตรได้รับความนิยมอย่างสูง ได้รับการถ่ายทอดเป็นละครเวที ละครโทรทัศน์ และภาพยนตร์ หลายต่อหลายครั้ง ก. สุรางคนางค์ เขียนนิยายไว้ทั้งสิ้น 45 เรื่อง รวมทั้ง พจมาน สว่างวงศ์, ดอกฟ้าและโดมผู้จองหอง, เขมรินทร์ - อินทิรา แต่เรื่องที่รักมากที่สุดคือ กุหลาบแดง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากชีวิตจริงของผู้ประพันธ์ ก. สุรางคนางค์ ได้รับการประกาศเกียรติคุณ เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ เมื่อปี พ.ศ. 2529
ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2542 เนื่องจากหัวใจหยุดทำงาน เมื่ออายุ 88 ปี
- นามปากกา
ก.สุรางคนางค์ - ใช้เขียนเรื่องสั้นและนวนิยาย
รสมาริน - ใช้เขียนคอลัมน์
นคร สุรพันธ์ - ใช้เขียนสารคดี
มลฤดี - ใช้เขียนคอลัมน์ตอบปัยหาประจำนิตยสาร"สกุลไทย"
- สรุปผลงาน นวนิยาย : ลูกรักลูกชัง กรองกาญจน์ หญิงคนชั่ว จุดหมายปลายทาง ดอกฟ้าและโดมผู้จองหอง กุหลาบแดงปิ่นไพร ทางสายเปลี่ยว ปราสาททราย ปราสาทรัก บ้านทรายทอง เขมรินทร์-อินทิรา รักประกาศิต ภูชิชย์-นริศรา ฯลฯ รวมเรื่องสั้น : พวงร้อย ดาวประดับเกียรติ ฯลฯ สารคดี : บ้านและการสมรส ฯลฯ ร้อยกรอง : แม่รักลูกเท่าไหน? ฯลฯ ข้าพเจ้ารู้สึกเสมอว่าท่านผู้อ่านมีความกรุณาต่อข้าพเจ้า และเป็นผู้ให้กำลังใจเสมอมา ปราศจากผู้อ่านนักเขียนจะตกอยู่ในสภาพอันอ้างว้างเหมือนเดิมอยู่ในทางสายเปลี่ยวแต่ผู้เดียว ว้าเหว่ วิเวก และเศร้าระทม"