พาไปแนะนำหนังสือ ที่จะบอกคุณเกี่ยวกับ การทำงานของสมอง ที่เชื่อมโยงกับการใช้ชีวิตประจำวัน รวมไปถึงเทคนิคต่างๆ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของคุณในทุกๆ ด้าน

แนะนำ หนังสือ เกี่ยวกับ สมอง 

        สมองเป็นหนึ่งในอวัยวะที่ซับซ้อนที่สุดในร่างกายของมนุษย์ ทำหน้าที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่การคิด การจำ การรับรู้อารมณ์ ไปจนถึงพฤติกรรม สมองจึงเปรียบเสมือน 'เครื่องจักรแห่งชีวิต' ที่จะช่วยกำหนดให้ชีวิตของเรา มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น จึงไม่แปลกที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ รวมไปถึง นักวิชาการ และนักวิจัย ในยุคปัจจุบัน พยายามเรียนรู้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในฟังก์ชั่น ระบบเงื่อนไข การทำงานของสมอง เรียนรู้วิธีใช้เพื่อนำมาเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ชีวิต ให้ประสบความสำเร็จ

       ด้วยเหตุดังกล่าว เลยมีการเขียนหนังสือเกี่ยวกับสมองของมนุษย์เราไว้อย่างมากมายหลายประเภท ครอบคลุมเนื้อหาหลากหลายด้าน ตั้งแต่โครงสร้างและการทำงานของสมอง ไปจนถึงโรคทางสมองและวิธีการรักษา หนังสือบางเล่มเหมาะสำหรับผู้อ่านทั่วไปที่ต้องการความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสมอง ในขณะที่หนังสือบางเล่มเหมาะสำหรับผู้อ่านที่มีความสนใจเฉพาะด้าน เช่น จิตวิทยา ประสาทวิทยา หรือการแพทย์ เป็นต้น ซึ่งสำหรับในบทความนี้ จะเป็นการแนะนำเฉพาะ หนังสือที่เน้นไปในเรื่อง การเข้าใจการทำงานของสมอง เพื่อเพิ่มไอเดียในการทำงาน และการปรับจูนชีวิตประจำวัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสมอง จะไม่ได้แนะนำเล่มที่มีเนื้อหาเชิงลึก ทางการแพทย์มากนัก แต่เน้นหยิบเล่มที่เข้าใจได้ไม่ยาก อ่านง่าย มาให้รู้จักกัน

 

พลังแห่งสมอง หนังสือที่เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ชีวิต

 

  • ฝึกสมองให้สมองไม่เหนื่อย

       

แนะนำเทคนิคง่ายๆ ในการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อให้สมองที่เหนื่อยล้า กลับมาทำงานได้อย่างกระปรี้กระเปร่า มีใจความคร่าวๆ ก็คือ

1. การทำสมาธิ ช่วยพัฒนาทักษะการทำงานรอบด้าน ลดความเครียด ใจจดใจจ่อกับสิ่งนั้นได้ดีและไม่ฟุ้งซ้าน รวมถึงช่วยในการให้เราตัดสินใจต่างๆได้ดีขึ้นรวมถึงลดความเครียดให้เราได้ด้วย

2. การนอน สำคัญมาก ช่วยให้สมองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ คนที่นอนวันละ 6 ชั่วโมง สมองจะมีความเสื่อมสภาพเร็วกว่าคนนอน 7 ชั่วโมงถึง 2 เท่า เคล็ดลับการนอนหลับให้ดีขึ้น เช่น อาบน้ำอุ่นๆ ก่อนเข้านอน งดกาเฟอีนในช่วงเย็น และไปสถานที่ในแสงไฟจ้าๆในตอนกลางคืน

3. การจัดระบบร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น ท่านั่งทำงาน ควรให้หน้าจอสูงเท่ากับระดับสายตาเราและคีบอร์ดก็ให้วางบนตัก เพื่อลดพลังงานของร่างกายในการแบกรับภาระที่เราต้องยกแขนขึ้นไปพิม ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง สมองปลอดโปร่ง นอกจากนี้ควรดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ ฝึกแขม่วท้องค้างไว้ 10–30 วินาที เพื่อช่วยให้ยืดอก ท่าหลังตรง

4. การรับประทานอาหาร เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง ควรทานอาหารตอนเช้าและอาหารให้ครบ 3 มื้อโดยให้เว้นสัก 3–4 ชม แต่ถ้ารู้สึกหิวก็สามารถหาของว่างที่เป็นพวกถั่วเพื่อไม่ให้น้ำตาลนั้นขึ้นมากจนเกินไป

     และถ้าหากอยากจะเห็นตัวอย่างที่ชัดเจน ในการนำข้อ 1-4 มาใช้ในชีวิตประจำวัน แบบละเอียด ก็จะมีบอกไว้ ในบทที่ 5 ของเล่มนี้ >> อ่านต่อ

 

  • 12 กฎทองของคนใช้สมองเป็น BRAIN RULES

 

หนังสือที่รวบรวมงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสมองมนุษย์ โดยสรุปเป็นกฎทอง 12 ข้อ ที่ช่วยให้เราเข้าใจการทำงานของสมอง และนำไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาศักยภาพของสมองให้ดีขึ้น โดย 12 กฎทองมีเนื้อหาคร่าวๆ ดังนี้

1. การอยู่รอด : มนุษย์มีวิวัฒนการ สมองของมนุษย์ก็เช่นกัน 

       เป็นการเล่าว่าสมองคนเราออกแบบมาเพื่ออะไร เล่าถึงวิวัฒนาการมาจากสมองตอนเป็นสัตว์ ที่ควบคุมการทำงานของพื้นฐาน เช่น การหายใจ การเต้นของหัวใจ การย่อยอาหาร จนกระทั่งพัฒนากลายเป็นสมองมนุษย์ ที่ทำหน้าที่ควบคุมความคิดและการตัดสินใจที่ซับซ้อนที่สุด เช่น การวางแผน การแก้ปัญหา การคิดเชิงสร้างสรรค์ เป็นต้น

2. การออกกำลังกาย : ออกกำลังเพิ่มพลังสมอง

       สมองจะทำงานได้ดีขึ้น มีเมื่อการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง ทำให้สมองได้รับสารอาหารและพลังงานที่จำเป็นในการทำงานมากขึ้น ทำให้สามารถเรียนรู้และจดจำข้อมูลต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

3. การนอนหลับ : หลับให้เต็มอิ่ม คิดได้เต็มที่

       ขณะที่เราหลับ สมองจะทำการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและสร้างเซลล์ประสาทใหม่ ทำกิจกรรมเหล่านี้ต่อไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนขณะที่เราหลับ เซลล์ประสาทเหล่านี้จะสื่อสารกันเพื่อประมวลผลข้อมูลและสร้างหน่วยความจำ ฉะนั้น การอดนอนจึงส่งผลเสียต่อการทำงานของสมอง หลายประการมากๆ

4. ความเครียด : สมองที่ตึงเครียดย่อมเรียนรู้ได้ย่ำแย่

      เมื่อเราพบกับความเครียด สมองจะหลั่งสารเคมีและฮอร์โมนที่มีผลเสียต่อร่างกาย อาจทำให้ความสามารถในการเรียนรู้และจดจำลดลง ส่งผลให้มีปัญหาในการคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปัญหา นอกจากนี้ ความเครียดเรื้อรังยังส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต ทำให้เกิดอาการวิตกกังวล ซึมเศร้า และพฤติกรรมก้าวร้าว

5. การเชื่อมโยง : สมองของคนเรามีการเชื่อมโยงที่แตกต่างกัน

      สมองของคนเรามีความยืดหยุ่นและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ส่วนต่างๆ ของสมองจะพัฒนาขึ้นมาด้วยอัตราความเร็วที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน บางคนอาจพัฒนาทักษะทางภาษาได้ดี ในขณะที่บางคนอาจพัฒนาทักษะทางคณิตศาสตร์ได้ดี ความฉลาดของสมองของแต่ละคนไม่สามารถวัดกันได้ด้วย เกณฑ์ความรู้เพียงเรื่องเดียว

6. คนเราไม่จดจ่อกับสิ่งที่น่าเบื่อ

     สมองของจะไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งต่างๆ หลายๆ อย่างพร้อมกัน เพื่อรีดเร้นประสิทธิภาพ จึงต้องจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาว่า ห้ามนานเกินไปอีก เพราะสมองจะเบื่อ เราจึงต้องหมั่นใช้เทคนิคต่างๆ กระตุ้นความสนใจของสมองอยู่เสมอๆ

7. ความจำ : ทบทวนซ้ำๆ เพื่อให้จำได้

      ข้อมูลที่ป้อนเข้ามาในสมองจะถูกแบ่งออกเป็นชิ้นๆ ตามลักษณะของข้อมูลนั้น เช่น ข้อมูลทางสายตา ข้อมูลทางเสียง เป็นต้น ยิ่งเราแปลงข้อมูลในตอนต้นอย่างละเอียดซับซ้อนมากเท่าไหร่ ความจำที่เกิดขึ้นภายหลังจะยิ่งฝังแน่นมากขึ้นเท่านั้น

8. การรวมประสาทสัมผัส : กระตุ้นประสาทสัมผัสให้ทำงานดีขึ้น

      กลิ่นสามารถช่วยรื้อฟื้นความทรงจำได้ ให้สมองนึกถึงเหตุการณ์หรือประสบการณ์ในอดีตได้ การฝึกฝนการจดจำข้อมูลร่วมกับกลิ่นจะช่วยให้เราจดจำข้อมูลได้ดีขึ้น

9. การมองเห็น : การมองเห็นเหนือกว่าประสาทสัมผัสทุกอย่าง

      การมองเห็นเป็นประสาทสัมผัสที่ส่งผลมากที่สุดต่อมนุษย์คนหนึ่ง ช่วยให้เรารับรู้สภาพแวดล้อมรอบตัว แยกแยะวัตถุต่างๆ และเข้าใจความหมายของสิ่งต่างๆ โดยมนุษย์เรียนรู้และจดจำได้ดีที่สุดผ่านทางภาพ สมองของเราสามารถประมวลผลข้อมูลทางภาพได้เร็วกว่าข้อมูลทางภาษา

10. เสียงดนตรี : เรียนหรือฟังดนตรีเพื่อเพิ่มพลังสมอง

      การเรียน หรือ เล่นดนตรี อย่างจริงจังสามารถช่วยพัฒนาทักษะบางอย่างได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ

11. เพศ : สมองของชายหญิงนั้นไม่เหมือนกัน

       สมองของผู้ชายและผู้หญิงมีความแตกต่างกันทั้งในแง่โครงสร้างและการผลิตสารชีวเคมี เช่น ผู้หญิงจดจำรายละเอียดทางอารมณ์ได้ดีกว่า ส่วนผู้ชาย จดจำใจความสำคัญของประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสภายนอกได้ดีกว่า

12. การสำรวจ : เรามีความเป็นนักสำรวจผู้ยิ่งใหญ่อยู่ในสายเลือด

        คนเราสามารถสร้างเซลล์ประสาทขึ้นมาเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้ตลอดชีวิต ด้วยฟังก์ชั่นในสมองที่เรียกว่า "เซลล์ประสาทกระจกเงา (Mirror neuron)" ซึ่งเป็นเซลล์ประสาทที่ตอบสนองต่อการกระทำของผู้อื่น ทำให้เข้าใจ จดจำ และเลียนแบบพฤติกรรมของผู้อื่นได้

 

        เมื่อรู้จักกฎทั้ง 12 ข้อ กันคร่าวๆ แล้ว ยังมีเรื่องของการนำไปประยุกต์ใช้ อยู่ภายในเนื้อหาของเล่มนี้ >> สำหรับคนที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม << เช่นกัน

 

  • พลังแห่งสมองที่สอง

 

        "สมองที่สอง" ตามความหมายของหนังสือเล่มนี้ ก็คือ >>ระบบการจัดเก็บข้อมูล<< ด้วยการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ ได้แก่ การใช้ระบบจดบันทึกแบบดิจิทัล ซึ่งอำนวยความสะดวกกว่าในการสืบค้นภายหลัง เวลาที่จะนำมาใช้ 

        เพราะในยุคดิจิตัลนี้ เราสามารถเข้าถึงข้อมูลได้เป็นจำนวนมากและแทบตลอดเวลา แต่มีหลายต่อหลายครั้งเลย พอเมื่อถึงเวลาจะสรรค์สร้างผลงานสักชิ้นขึ้นมา กลับนึกอะไรไม่ออก ไม่รู้จะต้องเริ่มต้นตรงไหน หรือไม่รู้ว่าจะเอาข้อมูล ที่เคยบันทึกที่ใด มาใช้ตอบโจทย์ในการทำงาน ผู้เขียนจึงได้นำเสนอ สิ่งที่เรียกว่า PARA Method ระบบการจดบันทึกข้อมูลแบบเน้นใช้งาน ซึ่งมีจุดเด่นกันคนละแบบกับ วิธี Bullet Journal (<< อ่านเพิ่มเติม)  แต่ PARA นั้นเน้นใช้งาน ที่เหมาะสมกับผู้ที่ทำงานหลายโครงการพร้อมกันและต้องการเครื่องมือการจัดระเบียบ หรือผู้ที่ต้องการใช้เทคโนโลยีเป็นมาเบาแรง (ด้านความจำ)ให้สมอง ...หากให้อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม >>> ก็มีวิธีการในหนังสือเล่มนี้ ที่อธิบายไว้อย่างละเอียดชัดเจนเป็นขั้นเป็นตอน <<< จนสามารถทำตามไปด้วยได้ เล่มนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะคนทำ Content ในยุคนี้

 

  • เทคนิคหลอกสมองให้เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่

 

      เป็นหนังสือแนวฮาวทู พัฒนาตนเอง ที่นำเสนอแนวคิดที่ว่า การเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่จำเป็นต้องอาศัยความตั้งใจจริง แรงฮึด หรือพรสวรรค์ แต่เราสามารถทำได้เพียงแค่หลอกสมองให้เชื่อในสิ่งที่เราต้องการจะเปลี่ยนเท่านั้น อาศัยเทคนิคต่างๆ (ที่มีหลักการทางจิตวิทยาและวิทยาศาสตร์มารองรับ) ในการหลอกสมองว่าเปลี่ยนตัวเอง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ตรงไหน 

       ภายในเล่มจะเน้นไปที่  "กิจวัตรประจำวัน" ที่เป็นสิ่งที่จับต้องได้ และหลอกล่อสมองได้มากที่สุด ถ้าอยากรู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง >> อ่านต่อเลย

 

  • สกิลขั้นเทพของนักบริหารเวลาที่รู้ใจสมอง

 

        หนังสือที่เขียนโดย นักจิตวิทยา ชื่อดังชาวญี่ปุ่น นำเสนอเทคนิคการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นไปที่การเข้าใจการทำงานของสมองและพฤติกรรมของมนุษย์ โดยตัวอย่างเทคนิคที่นำเสนอในหนังสือเล่มนี้ เช่น

เทคนิคการรีเซตสมาธิในแต่ละวัน : สมองของมนุษย์มีสมาธิจดจ่อได้ในเวลาจำกัด ดังนั้นเราจึงควรหาวิธีรีเซตสมาธิ เช่น การเดินเล่น ฟังเพลง หรือทำกิจกรรมที่ชอบ

เทคนิคการใช้เวลาในแต่ละช่วงวันให้เกิดประโยชน์สูงสุด : สมองของมนุษย์มีสมาธิจดจ่อได้ในช่วงเช้ามากที่สุด ดังนั้นเราจึงควรทำงานที่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ในช่วงเช้า ส่วนงานที่ต้องอาศัยความจำควรทำในช่วงบ่าย และงานที่ต้องอาศัยความอดทนควรทำในช่วงเย็น

เทคนิคการบริหารเวลาพัก : สมองของมนุษย์ต้องการพักเพื่อให้มีสมาธิจดจ่อในการทำงานได้ ดังนั้นเราจึงควรแบ่งเวลาให้กับการพักเบรกอย่างเหมาะสม

       สรุปแล้ว หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจการทำงานของสมองและพฤติกรรมของมนุษย์ และสามารถนำเทคนิคต่างๆ ไปประยุกต์ใช้กับชีวิตของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ >>> อ่านเพิ่มเติม

 

       หนังสือเหล่านี้ เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของหนังสือเกี่ยวกับสมองที่มีอยู่มากมาย ผู้อ่านสามารถเลือกอ่านหนังสือที่ตรงกับความสนใจและระดับความรู้ของตนเองได้ และนอกจากหนังสือแล้ว ยังมีแหล่งความรู้เกี่ยวกับสมองอื่นๆ อีกมากมาย เช่น บทความทางวิชาการ เว็บไซต์ และวิดีโอ ผู้ที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับสมองสามารถหาข้อมูลได้จากแหล่งเหล่านี้ได้เช่นกัน