หากคุณกำลังมองหาหนังสือที่ช่วยเติมแรงบันดาลใจและเปลี่ยนแปลงแนวคิด ทัศนคติเกี่ยวกับชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ น้องอินทร์ขอแนะนำหนังสือ “Good Vibes, Good Life ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข” เขียนโดย Vex King เว็กซ์ คิง นักเขียนผู้ที่มีหนังสือขายดีอันดับ 1 ของ Sunday Times (ซันเดย์ ไทมส์) เป็นหนังสือพิมพ์ของประเทศอังกฤษที่มียอดจำหน่ายมากที่สุด
Good Vibes, Good Life ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข
ผู้เขียน: Vex King (เว็กซ์ คิงส์)
สำนักพิมพ์: อมรินทร์ How to
หมวดหมู่: จิตวิทยา การพัฒนาตัวเอง , การพัฒนาตัวเอง how to
เนื้อหาหลักของหนังสือ
หนังสือเล่มนี้นำเสนอแนวคิดหลัก ๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงพลังงานภายในตัวเอง เพื่อดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต โดยเนื้อหาหลักแบ่งออกเป็น:
พลังของความคิดเชิงบวก – วิธีการมองโลกในแง่ดีและเปลี่ยนมุมมองต่อปัญหา
การรักและยอมรับตัวเอง – การฝึกฝนให้เรารักตัวเองมากขึ้นเพื่อเป็นพื้นฐานของชีวิตที่ดี
กฎแห่งการดึงดูด – วิธีใช้พลังงานของตัวเองเพื่อดึงดูดสิ่งที่ต้องการ
การปล่อยวางและให้อภัย – การปลดปล่อยพลังงานลบและเดินหน้าต่อไป
สิ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้โดดเด่นคือมันไม่ใช่แค่การให้ทฤษฎี แต่ยังเต็มไปด้วยคำแนะนำที่สามารถนำไปใช้ได้จริง หลาย ๆ ส่วนของหนังสือทำให้เราต้องหยุดคิดและทบทวนตัวเอง เช่น ตอนที่พูดถึง "การปล่อยวางอดีต" และ "การให้อภัยตัวเอง" ซึ่งเป็นจุดที่ช่วยให้เราปลดล็อกตัวเองจากพลังงานลบและก้าวไปข้างหน้าได้จริง ๆ
ทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงน่าสนใจ?
1. หนังสือเล่มนี้ถ่ายทอดแนวคิดและทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการใช้ชีวิตให้มีความสุขผ่านพลังบวก เปลี่ยนความคิดและการกระทำแล้วโลกของคุณจะเปลี่ยนไป
2. จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้คือการเล่าเรื่องแบบเป็นกันเอง ใช้ภาษาที่ไม่ซับซ้อน สามารถเข้าใจได้ทันที ไม่ว่าคุณจะเคยอ่านหนังสือแนวพัฒนาตนเอง (How To) มาก่อนหรือไม่ เล่มนี้จะทำให้คุณเข้าใจกับเนื้อหาได้เพียงอ่านแค่ครั้งเดียว
3. ให้พลังบวกแบบไม่หลอกตัวเอง บางครั้งคำแนะนำเรื่อง "พลังบวก" อาจฟังดูเหมือนการหลอกตัวเอง แต่ Vex King ถ่ายทอดออกมาให้เราเข้าใจในการลงมือทำเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในชีวิตจริง เขาไม่ได้แค่บอกให้เราคิดบวกเพียงเท่านั้น แต่ยังอธิบายถึงวิธีการนำมาปรับใช้อีกด้วย
4. ช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น นอกจากการสร้างพลังบวกให้กับผู้อ่านแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังช่วยให้เรามองเห็นคุณค่าของตัวเอง และฝึกฝนการรักตัวเองอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการมีชีวิตที่ดีขึ้น
Good Vibes, Good Life เป็นหนังสือที่ให้พลังงานบวกและแนวคิดที่สามารถนำไปใช้ได้จริง หากคุณกำลังมองหาหนังสือที่จะช่วยให้คุณมีความสุขมากขึ้น รักตัวเองมากขึ้น และดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต หนังสือเล่มนี้คือคำตอบ!
(1) การรักตัวเอง
การรักตัวเองคือการสร้างสมดุลระหว่าง การยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็น ในขณะที่ก็รู้ว่าคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า และพยายามไปให้ถึงจุดนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่จะตระหนักว่า การจะทอดทิ้งคนที่ไม่สนใจคุณเลยนั้น ไม่ใช่เรื่องไม่เป็นธรรม การรักตัวเองที่แท้จริงจะเป็นอะไรก็ได้ที่เพิ่มคุณค่าให้ตัวคุณ
(2) กฏ 2 ข้อ
กฏแห่งแรงดึงดูด เน้นเรื่องการคิดบวก สิ่งที่คุณคิดจะเป็นจริงตามนั้น สิ่งที่คุณใส่ใจจะย้อนกลับมาหาคุณ
กฏแห่งแรงสั่นสะเทือน เปลี่ยนวิธีที่คุณคิด พูด และกระทำ แล้วคุณจะเริ่มเปลี่ยนโลกของตัวเอง เมื่อคุณรู้สึกดี ชีวิตก็พลอยดีไปด้วย หากคุณสัมผัสความรู้สึกดีอย่างต่อเนื่อง ก็จะมองชีวิตในทางบวกอยู่เสมอ
(3) อยู่ท่ามกลางคนคิดบวก
พลังงานถ่ายทอดกันได้ เวลาที่เรารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พยายามอยู่ใกล้คนที่รู้สึกดีไว้ เมื่อใช้เวลากับคนที่เพิ่มคุณค่าให้ชีวิตและทำให้อารมณ์ดีขึ้น แล้วเราก็จะดึงดูดคนคิดบวกเข้ามาในชีวิตมากขึ้น และส่งเสริมให้คนรอบๆตัวเรามีแต่ความรู้สึกดี ๆ
(4) เปลี่ยนภาษากายของคุณ
การแกล้งยิ้ม ทำให้สมองคิดว่าคุณมีความสุขได้จริงๆ โดยการหลั่งสารเอนดอร์ฟินออกมา ร่างกายเราส่งอิทธิพลต่อความคิดและความรู้สึกได้ ภาษากายไม่เพียงส่งผลต่อคนอื่น ว่าจะมองเรายังไง แต่ยังส่งผลว่าเราจะมองตัวเองยังไงด้วย
(5) พักผ่อนบ้าง
อย่ากลัวที่จะใช้ชีวิตตามลำพัง หากคุณเหนื่อยล้าจากการเข้าสังคม ยิ่งถ้าปล่อยให้ตัวเองเหนื่อยล้าจากการอยู่กับผู้คนโดยไม่ได้ชาร์จพลังเลย คุณก็อาจทำให้ความรู้สึกคนอื่นแย่ลง สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติช่วยเยียวยาจิตใจได้ ออกไปเดินเล่น นั่งใต้ต้นไม้ ดูดาว ตากแดด ชีวิตก็จะดีขึ้นแล้ว
(6) อยู่ให้ห่างคำนินทาและดราม่า
การนินทานั้นทำลายตัวตน เราทำไปเพื่อพยายามให้ตัวเองรู้สึกดีเหมื่อว่าได้อยู่เหนือคนอื่น ซึ่งมักมีพื้นฐานมาจากความเกลียดชัง การมีส่วนร่วมในดราม่าที่ไม่จำเป็นยังเพิ่มทั้งความเครียดและความกังวลด้วย
(7) แยกแยะอาหารและน้ำ
ทุกสิ่งที่คุณกินและดื่มนั้นสำคัญ คิดดูสิว่าคุณจะร็สึกดีได้อย่างไรถ้าคุณไม่รับอาหารและเครื่องดื่มดี ๆ เข้าสู่ร่างกาย การปล่อยตัวไปกับของแย่ๆ ไม่ใช่แค่เพิ่มน้ำหนักตัว แต่ยังทำให้อารมณ์หดหู่ และทำให้อ่อนแอต่อโรคภัย อาหารดี ๆ อาจมีราคาสูงกว่า แต่คุ้มค่าในระยะยาวที่ เราไม่ต้องมานั่งซ่อมร่างกายและจิตใจ
(8) แสดงความขอบคุณ
คุณจะไม่มีทางรู้สึกแย่ ในขณะที่รู้สึกขอบคุณได้หรอก ยิ่งนับความโชคดีของคุณมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีเรื่องโชคดีให้นับมากขึ้นเท่านั้น
(9) ใส่ใจกับปัจจุบัน
ทุกวินาทีที่นึกถึงช่วงเวลาถัดไป เท่ากับเลี่ยงการโอบกอบปัจจุบัน และพลาดสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าอย่างสิ้นเชิง เอาตัวเองออกมาจากคนที่คิดลบ การพยายามช่วยเหลือคนที่คิดลบ เป็นจิตใจที่ดี แต่ก็ต้องเก็บพลังงานบางส่วนไว้เพื่อตัวเองด้วย เวลาอยู่กับคนคิดบวก คุณจะเห็นสิ่งที่ดีในชีวิตง่ายกว่าปกติมาก
(10) ตรวจสอบความประพฤติของตัวเอง
เราอยากให้คนอื่นหยุดเป็นพิษ แต่น้อยครั้งที่จะย้อนกลับมาดูการกระทำของตัวเอง ความสัมพันธ์ที่สำคัญที่สุดคือ กับตัวเราเอง บอกให้ได้ว่า นิสัยใดบ้างที่เป็นพิษร้ายต่อคนอื่น หรือ ตัวเองคุณไม่ได้ถูกคาดหวังให้สมบูรณ์แบบ ทุกคนทำผิดพลาดกันทั้งนั้น แต่ต้องยินดีที่จะเรียนรู้ เติบโต และเคารพคนอื่น
(11) ปัญหาคู่รัก แก้ได้ด้วยการเปิดอกคุย
ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ และ ไม่มีความสัมพันธ์ใดที่สมบูรณ์แบบ ถ้าคุณอยู่กับคนที่ไม่พร้อมจะทำตัวดีขึ้น ก็อาจกำลังเสียเวลาอยู่ก็ได้คุณไม่อาจเปลี่ยนคนที่ไม่พร้อมจะเปลี่ยน จำไว้ว่า ความสัมพันธ์ใด ๆ ควรเพิ่มคุณค่าแก่ชีวิต ส่วนความสัมพันธ์ที่เป็นพิษจะทำลายสุขภาพจิตและสุขภาพกาย อย่าพยายามรักษาความสัมพันธ์บางอย่างไว้ ถ้าถึงเวลสต้องจาก จงเดินออกมาอย่างกล้าหาญ ตอนนี้อาจรู้สึกเจ็บปวด แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าในอนาคต
(12) เลือกมิตรแท้
จงมีกลุ่มเพื่อนฝูงที่สบายใจ รักษาคนที่เพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตคุณ เอาคนที่ไม่ใช่ออกไป เมื่อการมีน้อยลงหมายถึง ได้สิ่งที่ดีกว่า ถ้าสงสัยว่าในกลุ่มเพื่อนมีคนอิจฉาหรือเกลียดคุณ แสดงว่าคุณอยู่ผิดกลุ่มแล้ว
(13) ครอบครัวไม่ใช่เซฟโซน
ยอมรับตรงนี้เถอะ ว่าไม่ใช่ทุกครอบครัวที่เป็นครอบครัวที่ดี ไม่ต้องถึงขั้นตัดความสัมพันธ์แค่ต้องสื่อสารและบอกพวกเขาว่าคุณรู้สึกอย่างไร พวกเขาอาจแค่ไม่รู้ตัวเอง คนเรามีแนวโน้มกลัวในสิ่งที่ไม่เข้าใจ
ถ้าอยากให้พวกเขาเห็นด้วย ต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจก่อน คุณไม่สามารถเปลี่ยนคนอื่นได้ ยกเว้นแต่ว่าพวกเขาต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง (ซึ่งก็ต้องมีแรงจูงใจ)
(14) อยู่เคียงข้างคนอื่น
ความรู้สึกดีๆ ติดต่อกันได้ แต่ไม่ใช่หน้าที่ ที่เราต้องไปช่วยเหลือคนที่มีแต่พลังงานลบเสมอ พลังงานบวกของเราก็มีจำกัด ก่อนพยายามช่วยให้ใครรู้สึกดีขึ้น จงแน่ใจก่อนว่าคุณไม่ได้เอาตัวเองไปเข้าไปแลกในขั้นตอนนี้ ปกป้องพลังงานของตัวเองก่อน
(15) จัดการคนคิดลบ
ไม่ว่าคุณจะดีแค่ไหน ก็ต้องมีสักคนที่เกลียดคุณ เชื่อเถอะ แค่เป็นใครสักคนก็โดนเกลียดแล้ว ขนาดไม่รู้จักกันยังเกลียดกันได้เลยยิ่งเจอคนมากเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสโดนวิจารณ์มากขึ้นเท่านั้น
(16) อย่าพยายามทำให้ทุกคนพอใจ
ถ้ามัวแต่พยายามทำให้คนอื่นพอใจ คุณจะไม่มีวันก้าวหน้าได้เท่าพวกเขา ในที่สุดก็ไม่ได้ทำให้คนอื่นหรือตัวเองพอใจเลย เห็นแก่ตัวบ้าง เราไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้การตอบทุกคนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ บางคนโกรธเพราะรู้สึกว่าถูกเมิน สังคมช่างตัดสิน สังคมมักมองเห็นข้อบกพร่องของเราเสมอ ไม่ว่าเราจะดีแค่ไหนยอมรับตัวเอง คุณไม่ได้สำคัญกับคนอื่นตลอดเวลา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคุณต้องให้ความสำคัญกับตัวเอง เรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองอย่างเป็นสุข ดูแลตัวเอง คุยเรื่องบวก และเป็นที่พึ่งให้ตัวเอง ความต้องการของคุณนั้นสำคัญ จงเริ่มทำตามความต้องการของคุณด้วยตัวเอง อย่าหวังพึ่งคนอื่น
คุณชอบตัวเองหรือเปล่า
เรามักจมอยู่กับการทำให้คนอื่นพอใจเพื่อพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง
บ่อยครั้งที่เราไม่ปฏิบัติต่อตนเองด้วยความอ่อนโยนและความเคารพอย่างที่ควรจะได้ จึงรู้สึกไม่มั่นคง
แล้วส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ ทัศนคติ และสุขภาพของเรา
(17) ชื่นชมความงามในรูปลักษณ์ของตัวเอง
เราควรจะสบายใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่เสมอ และการดูแลร่างกายก็เป็นนิสัยที่ดี ไม่มีกฏใดๆที่บอกมนุษยชาติว่า ความงามทางกายภาพคืออะไร พวกเราเป็นผู้ก่อตั้งแนวคิดเหล่านี้ให้เป็นรูปเป็นร่าง แบรนด์เองก็ตกแต่งภาพ ซึ่งทำให้เราสูญเสียความมั่นใจที่ไม่สมบูรณ์แบบ แม้จะรู้ว่านั่นคือภาพที่ผ่านการตกแต่งมาก็ตาม อย่าปล่อยให้ความงามที่สังคมสร้างขึ้น ลดทอนการนับถือตัวเองของคุณ ความงามเป็นสิ่งที่ไร้กฏเกณฑ์ ยอมรับและรักตัวเองอย่างที่เป็น อ้าแขนรับจ้อบกพร่องและสบายใจที่จะเป็นตัวของตัวเองปล่อยความไม่สมบูรณ์แบบของคุณเอาไว้อย่างนั้น ความสมบูรณ์แบบเป็นเรื่องของมุมมองล้วน ๆ จงภาคภูมิใจที่คุณมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
(18) เปรียบเทียบเฉพาะกับตัวเอง
การเปรียบเทียบเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการทำให้ชีวิตตัวเองเศร้า การมองดูคนอื่นเพื่อเป็นแรงบันดาลใจเป็นเรื่องที่ดี แต่แรงบันดาลใจกับความอิจฉาเป็นคนละเรื่องกัน การเปรียบเทียบชีวิตคนเรา กับคนใน social media เป็นการเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์ เพราะใครๆก็แชร์รูปที่ตัวเองดูดี มีความสุขและประสบความสำเร็จ จำไว้ว่า คุณไม่รู้หรอกว่าพวกเขาต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะได้อย่างนั้น คนที่คุณควรเปรียบเทียบด้วย มีแค่ตัวคุณเองเมื่อวาน ถ้าอยากเป็นตัวเองที่ดีที่สุด ต้องใส่ใจกับชีวิตและเป้าหมายของตัวเอง
(19) ให้คุณค่ากับความงามภายใน
เหตุผลที่การบ่มเพาะนิสัยเป็นเรื่องสำคัญ เพราะคุณซื้อคอร์สศัลยกรรมได แต่ซื้อนิสัยใหม่ไม่ได้
(20) ฉลองความสำเร็จของคุณ
แม้ว่าเราไม่ควรรู้สึกสบายใจกับความสำเร็จมากเกินไปนัก เพราะจะทำให้พอใจอยู่แค่นี้และหยุดก้าวไปข้างหน้า แต่ก็ควรให้เวลากับการฉลองความสำเร็จ ไม่อย่างนั้นพอมองย้อนชีวิตก็จะคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรสลักสำคัญเลย คุณควรให้กำลังใจตัวเองไว้เสมอ
(21) เคารพเอกลักษณ์ของคุณ
ไม่ว่าจะใช้ชีวิตตามใจตัวเองหรือคนอื่น คุณก็จะถูกตัดสินอยู่ดี
(22) อ่อนโยนและให้อภัยตัวเอง
มีคนอีกมากมายในชีวิตที่พร้อมจะทำให้คุณรู้สึกแย่ แต่คุณไม่ควรเป็นหนึ่งในนั้น แทนที่จะบอกว่าตัวเองโง่ ที่ทำพลาด ให้เปลี่ยนเป็นบอกว่าคุณก็เป็นแค่คนคนหนึ่ง และจะทำให้ดีขึ้นในครั้งต่อไป อย่าลงโทษตัวเองในสิ่งที่ทำไปแล้ว หันมาใส่ใจสิ่งที่ทำให้ดีขึ้นดีกว่า ทำให้สิ่งที่หวังไว้เป็นจริง — งานทางใจ
ถ้าไม่เชื่ออะไรสักอย่าง ก็จะไม่ค่อยเห็นสิ่งนั้นใจชีวิต
(23) ความสำคัญของการคิดบวก
การคิดบวกคือการเลือกความคิดที่ทำให้อยู่เหนือความคิดที่จำกัดคุณ
การเชื่อว่าบางอย่างเป็นไปไม่ได้ แสดงว่าคุณใส่ใจอุปสรรคต่อความสำเร็จมากไป
(24) อำนาจจิตของคุณคือความจริงของคุณ
ต่อให้คุณจะคิดว่าทำได้หรือว่าทำไม่ได้ คุณก็คิดถูกทั้งนั้น การเชื่อในบางสิ่งคือ กุญแจที่จะทำให้มองเห็นสิ่งนั้น ถ้าไม่เชื่อ สิ่งนั้นก็ไม่จิงสำหรับคุณ แล้วก็ไม่อาจเป็นความจริงของคุณ
(25) ไปให้ไกลเกินความคิด
ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนสถาณการณ์ได้ ให้เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อสิ่งนั้น นั่นแหล่ะพลังที่คุณมี อยู่ที่ว่าจะถูกควบคุม หรือ ควบคุมมัน สมองของเรา มันจะใช้ความคิดน้อยที่สุดเพื่อประหยัดพลังงาน จึงอาศัยอารมณ์ และทำอะไรซ้ำ ๆ เป้าหมายของคุณ ไม่ใช่การกำจัดความคิดลบ แต่เป็นการเปลี่ยนวิธีตอบรับต่อความคิดนั้น เราไม่อาจพึ่งพาสิ่งแวดล้อมให้สร้างผลลัพธ์ใหม่ๆได้ เพราะมันมักไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเรา
(26) เปลี่ยนความเชื่อของคุณ
ระบุว่าความเชื่อหลักใดบ้างที่ต้องการเปลี่ยน เช่น “เราเปลี่ยนอนาคตตัวเองไม่ได้ จึงไม่มีวันประสบความสำเร็จ” ความเชื่อเป็นเหมือนเลนส์ที่ใช้มองชีวิต เราเห็นในสิ่งที่บอกตัวเองให้เชื่อว่ามันคือความจริง
ถ้าเปลี่ยนความเชื่อได้ ก็เปลี่ยนชีวิตได้
(27) พูดให้กำลังใจบ่อยๆ
ถ้าคุณโดนบอกอยู่เรื่อยๆ ว่าไม่สามารถทำบางสิ่งได้ คุณก็จะเชื่อว่าตัวเองทำไม่ได้จริงๆ
ถ้าแม่บอกลูกว่า ลูกเป็นคนขี้อาย ทำให้ความคิดนี้ฝังหัวเด็ก เด็กอาจจะไม่ได้ขี้อายจริง แต่การย้ำความคิดนี้อาจทำให้เด็กเริ่มเชื่ออย่างนั้น เมื่อทำเหมือนเป้าหมายเป็นจริงอยู่แล้ว จิตใต้สำนึกคุณก็จะเชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้น และทำตามนั้น
(28) ตั้งความมุ่งมั่น
ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าตัวเองต้องการอะไร คุณก็จะจมอยู่กับสิ่งต่างๆ มากมายที่ไม่แน่ใจ ก่อนไล่ตามเป้าหมาย ต้องรู้ก่อนว่าต้องการอะไร จงเขียนสิ่งที่คุณปรารถนาและใช้ชีวิตด้วยเรื่องราวของคุณเอง ถ้าจดเป้าหมายไว้ก็จะเบนความตั้งใจไปยังสิ่งที่จับต้องได้ การเขียนรายละเอียดจะช่วยให้คุณจดจ่อและไม่หลงทาง ทำสิ่งที่หวังไว้ให้เป็นจริง — ลงมือทำ คุณสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ด้วยก้างเล็กๆ
คุณไม่จำเป็นต้องมีเวลาเหลือเฟือถึงจะทำฝันให้เป็นจริงได้
คำว่า “ยังไม่พร้อม” แล้วเมื่อไหร่คุณถึงจะพร้อมหล่ะ
(29) ความเปลี่ยนแปลงอาศัยการลงมือทำ
คนจำนวนมากคาดหวังการเปลี่ยนแปลงทั้งที่ยังทำสิ่งเดิมๆทุกวัน คนจำนวนมากรู้ว่าต้องทำอะไร แต่ก็ไม่ทำ น่าเศร้าที่รอจนกว่าจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วถึงจะยอมเปลี่ยนแปลง
(30) ความต่อเนื่องนำไปสู่ผลลัพธ์
อย่าแก้ตัวว่าไม่มีเวลา ถ้าไม่อาจหาเวลามาเพื่อบางสิ่งได้ แสดงว่าสิ่งนั้นไม่สำคัญมากพอสำหรับคุณ เราเป็นสิ่งที่ตัวเองทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความยอดเยี่ยมจึงไม่ได้แค่ทำได้ แต่เป็นความเคยชิน ทำได้ครั้งแรกเป็นเรื่องน่ายินดี แต่การทำได้ตลอดจนไม่พลาดต่างหากที่สุดยอดกว่า คุณไม่จำเป็นต้องพร้อม 100% ในการเริ่มลงมือทำ เพราะยิ่งรอสมบูรณ์ ก็เหมือนการผัดวันประกันพรุ่ง ถ้ามันยากไป ก็ให้ซอยเป้าหมายให้เล็กลง เล็กพอที่จะเริ่มทำได้เลย ไม่ว่าคุณจะกังวลแค่ไหน ปัญหาของคุณก็ไม่ดีขึ้นหรอก