รายละเอียด : 9 พฤติกรรมเพื่อเลิกเป็นคนคิดแล้วไม่ทำ

9 พฤติกรรมเพื่อเลิกเป็นคนคิดแล้วไม่ทำ

หลายครั้งที่ความคิดและความรู้สึกของเราพรั่งพรูออกมามากมาย อยากให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นจริง และหลายครั้ง (อีกเช่นกัน) ที่เรากลับไม่ลงมือทำ กลัวกังวลไปต่างๆ นานา ทั้งที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น อ้างกับตัวเองว่ายังไม่พร้อม ปล่อยโอกาสและเวลาให้ผ่านเลยไป เสียดาย เสียน้ำตาที่หลัง ทั้งที่ในความเป็นจริงยังมีความเป็นไปได้อีกมากมายซึ่งเราอาจคาดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ถ่ายทอดวิธีการต่อสู้กับการไม่ลงมือทำผ่านพฤติกรรม 9 อย่างจากประสบการณ์ของตัวผู้เขียนเองที่เขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว การลงมือทำไม่ใช่เรื่องยาก การคิดมากเกินไปต่างหากที่ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นเรื่องยาก ไม่ว่าผลที่ได้จะออกมาดีหรือแย่แค่ไหน หากลองทบทวนด้วยเหตุผล ทุกผลลัพธ์ของการลงมือทำล้วนเป็นบันไดอีกชั้นให้เราก้าวต่อไป หรืออย่างน้อยๆ ครั้งหนึ่งเราก็ได้ลงมือทำเพื่อมันแล้วนี่

สารบัญ : 9 พฤติกรรมเพื่อเลิกเป็นคนคิดแล้วไม่ทำ

• "ความกังวล" ยิ่งคิดก็ยิ่งเพิ่ม
• "ความกังวล" เป็นสิ่งที่แทบจะไม่เกิด
• รู้ความแตกต่างของ "ความปลอดภัย" กับ "ความสมบูรณ์แบบ"
• "ยุคสมัยที่จะลองทำอะไรก็ง่าย" มาถึงแล้ว
• "ชนะหนึ่ง แพ้เก้า" ก็ได้
• ถ้าทำให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับไม่ได้ก็แพ้
• ฝึกนิสัยเริ่มกินจาก "สิ่งที่ชอบ"
• หลักพื้นฐานคือ "ทำให้เสร็จในเวลา"
• อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เป็นคนอ่อนแอที่สุดตรงนี้
• มีคนคอยให้คำปรึกษา
• พูดจริงทำจริงเป็นสิ่งที่ดี
• คนอ้อนเก่งจะได้เปรียบ

เนื้อหาปกหลัง : 9 พฤติกรรมเพื่อเลิกเป็นคนคิดแล้วไม่ทำ

Hideki Wada (ฮิเดกิ วาดะ) จิตแพทย์ มีผลงานเขียนหนังสือ ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกคือ "ซินเดอเรลลาเตรียมสอบ" ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่โมนาโก และเป็นผู้มีบทบาทกว้างขวางทั้งในวงการแพทย์ การศึกษา และวัฒนธรรม เปิดเผย 9 พฤติกรรม เทคนิคหลุดพ้นจากการคิดแล้วไม่ทำสไตล์วาดะ ลงมือทำไปก่อน, ทำแต่สิ่งที่ทำได้, จงพึ่งพาคนอื่น, ไม่วางแผน, พักผ่อน, ลองทำพลาดดูบ้าง, ทำตามความรู้สึก, เลียนแบบ, ค้นหากฏ ถ้ามัวแต่คิดแล้วไม่ทำมีแต่จะขาดทุนและเสียใจภายหลัง ถ้าไม่ลงมือทำก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

รีวิวโดยผู้เขียน : 9 พฤติกรรมเพื่อเลิกเป็นคนคิดแล้วไม่ทำ

ยิ่งเป็นคนละเอียดรอบคอบและจริงจังมากเท่าไร ก็ยิ่งคิดมากและขาดทุนเท่านั้น เคยมีคนถามผมว่า "คุณวาดะ ทำไมคุณถึงทำอะไรได้หลายอย่างขนาดนั้น" แน่นอนว่า "ทำอะไรได้หลายอย่าง" บางครั้งก็เป็นคำชมที่สื่อความหมายว่า "มีพรสวรรค์หลายอย่าง" แต่บางทีก็มีความหมายว่า "ทำไมถึงเข้าไปยุ่งเรื่องโน้นเรื่องนี้ได้" โดยไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนั้นด้วย ผมทำหนังไปเมื่อปีที่แล้ว ทั้งๆ ที่งานจิตแพทย์ เขียนหนังสือ บริหารโรงเรียนกวดวิชา ฯลฯ ก็ยุ่งมากพอตังอยู่แล้ว ทั้งๆ ที่ไม่มีผลงานอะไรด้านภาพยนตร์เลย (มีแต่ประสบการณ์ทำหนังอินดี้ล้มเหลวสมัยเรียนมหาวิทยาลัย กับเป็นเด็กช่วยงานในกองถ่าย) จู่ๆ จะลุกขึ้นมากำกับหนัง ใครๆ คงคิดว่าผมทำอะไรไม่คิด ถ้ามีคนออกทุนให้แล้วมาขอร้องว่า "คุณวาดะลองทำดูไหมครับ" ต่อให้งานออกมาไม่ประสบความสำเร็จก็คงจบลงแค่ขายหน้านิดหน่อยว่า "เรามันไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้จริงๆ" แต่ไม่เคยมีใครมาเสนอผมแบบนั้น ผมจึงต้องควักกระเป๋าจ่ายเองกว่าร้อยล้านเยน หลายคนมักถามถึงเหตุผลหรือเหตุจูงใจที่ทำให้ผมตัดสินใจทำหนัง บอกตามตรงว่าความจริงคือ "เพราะอยากทำ" เท่านั้นเองผลที่ออกมาก็คือหนังของผมได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเทศกาลภาพยนตร์ของต่างประเทศ แต่ยิ่งกว่านั้นมันทำให้ผมรู้สึกว่าถ้าไม่ลองดูก็ไม่รู้หรอกว่าเรามีพรสวรรค์ด้านนี้หรือเปล่า แต่ก็มีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมคิดจะทำหนังตอนอายุขนาดนี้ เหตุผลง่ายๆ เพราะคนเราไม่รู้หรอกว่าจะตายเมื่อไรอยากทำอะไรก็ทำ อยากกินอะไรก็กิน อยากดื่มอะไรก็ดื่ม ไม่อย่างนั้นจะมาเสียใจตอนใกล้ตายก็สายเกินไปเสียแล้ว ทัศนคติในการใช้ชีวิตของผมค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็นแบบนี้มากขึ้นด้วย ถ้ามัวแต่คิดแล้วไม่ทำ มีแต่จะขาดทุนและเสียใจภายหลัง ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นแรงจูงใจให้คุณลงมือทำอะไรบ้างไม่มากก็น้อย

ฮิเดกิ วาดะ