รายละเอียด : สมองหายล้า ชีวิตก็หายเหนื่อย!
หนังสือบำรุงสมอง และสร้างแรงบันดาลใจเพื่อคนทำงานผู้หมดแรง เพราะที่ชีวิตขาดความทะเยอทะยาน ทำอะไรไม่สำเร็จ ทุกอย่างเป็นเพราะสมองล้า ร่วมปฏิรูปการทำงานแบบใหม่ที่เปี่ยมด้วยกำลังวังชา และไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย หนังสือที่เหล่าผู้นำเกาหลีจากทุกวงการอ่านกันและใช้มันเปลี่ยนชีวิต
คำนำ : สมองหายล้า ชีวิตก็หายเหนื่อย!
ทำไมต้องปฏิวัติพลังสมองตอนนี้
บนโต๊ะทำงานมีงานค้างกองโตที่ต้อง “ทำซะ” พอตั้งใจและลงมือทำงานก็ราบรื่นดี ทำเสร็จไปทีละเปลาะ บางงานต้องใช้ความคิดเยอะเหมือนกัน แต่ไม่ยากเท่าที่คิดไว้ โดยรวมถือว่าไปได้สวยทีเดียว
แผนสะสางงานท่าทางจะใช้ได้ อารมณ์ตอนทำงานเสร็จทีละอย่างไม่เลวเลย แต่พอทำไปนาน ๆ ชักแปลก ๆ เริ่มเหนื่อย คิดนู่นนี่ไร้สาระ ตั้งสมาธิไม่ได้ บางช่วงก็เบลอ ตื้อ ๆ บางช่วงรู้สึกหงุดหงิดนิด ๆ เหมือนเป็นสัญญาณบอกให้พักเสียที
นี่คือจุดเริ่มต้นราง ๆ ของอาการ “สมองล้า” ซึ่งไม่ใช่ความเหนื่อยล้าเมื่อเราใช้แรงงานหรือออกกำลังกาย แต่สมองก็ล้าได้ และใช่ว่าต้องเกิดจากความไม่สบายใจ เครียดเมื่อทำสิ่งไม่ชอบ ตรงกันข้าม เวลาเราทำงานแต่ละอย่างเสร็จแล้วรู้สึกดี ความสดชื่นที่คิดว่าจัดการงานค้างได้นั่นแหละตัวการ ความรู้สึกนี้ต่างจากความเครียดที่เราคุ้นเคย
“จิตใจเหนื่อยล้า” “เพลียใจ” เป็นคำที่ใช้กันบ่อยๆ แต่เอาเข้าจริง ความหมายของมันหนักไปทางนามธรรม เลื่อนลอยเอามาก ๆ แตกต่างสิ้นเชิงกับอาการสมองล้า ซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงในสมองที่เป็นรูปธรรมที่เกิดขึ้นจริงอย่างชัดเจน แท้ที่จริง สมองใช่ว่าจะเหนื่อยไม่เป็น! อวัยวะที่ซับซ้อน ละเอียดอ่อนกว่าอวัยวะใด หากล้าย่อมล้าหนักกว่า สมองเหนื่อยได้แน่นอนครับ เพียงแต่สมองนั้นซับซ้อนเป็นทุนเดิม อาการเหนื่อยจึงซับซ้อนเช่นกัน มันไม่ปรากฏอาการให้เห็นชัดเหมือนอวัยวะอื่นที่เราใช้ทำงานออกแรง
เวลางานไปได้สวย โดพามีน (dopamine ฮอร์โมนแห่งความปรารถนา) และเซโรโทนิน (serotonin ฮอร์โมนแห่งความพึงพอใจ) จะหลั่ง เมื่อเราตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำอะไรอยู่กับที่ ประสาทซิมพาเทติกจะทำงาน ชีพจรจะเต้นเร็วเล็กน้อย ความดันเลือดสูง หายใจแผ่วและสั้น กล้ามเนื้อคอกับไหล่เขม็งตึง การทำงานของกระเพาะกับลำไส้เล็กถูกบีบ สภาพเช่นนี้ดำเนินไม่ได้นาน เหมือนในหนังที่มีแต่ฉากเขย่าขวัญ ดูแล้วเหนื่อยและไม่สนุกด้วย แต่ความเหนื่อยที่ปลอดโปร่งหลังออกกำลังกายจะต่างจากนี้โดยสิ้นเชิง พลังงานที่ร่างกายใช้ไปเพราะสมองล้ามีน้อยมากเมื่อเทียบกับเวลาออกกำลังกาย แต่เนื่องจากเราใช้มันเข้มข้นแค่บางส่วน มันจึงขาดสมดุล กลายเป็นความเหนื่อยล้าที่ทำเราอารมณ์ไม่ดี นี่คือจุดเด่นของสมองล้าครับ
ขืนยังทู่ซี้นั่งทำงานต่อด้วยสภาพร่างกายแบบนี้ ทั้งร่างกายและจิตใจเราจะเริ่มต่อต้าน ชักขาดสมาธิ หัวตื้อ คิดอะไรไม่ออก สภาพร่างกายไม่อำนวยให้ทำงาน แม้ไม่ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ แต่ครั่นเนื้อครั่นตัว ทนนั่งอยู่เงียบ ๆ ไม่ไหว หากยังฝืนทำต่อ คราวนี้สมองเราจะต่อต้านคำสั่ง บีบให้เราต้องพักผ่อนจนได้ นี่หมายถึงร่างกายเราไปต่อไม่ไหว สมองทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพแล้ว
คนทำงานใช้สมองจะเจอประสบการณ์แบบนี้กันบ่อย หากยังเพิกเฉยต่อสัญญาณเตือนของสมอง ประจัญบานลุยงานต่อจะเกิดอะไรขึ้น ที่ผมเริ่มเขียนต้นฉบับก็มาจากประเด็นตรงนี้ครับ
ลองมองรอบ ๆ ตัวเราสิ ลองนึกถึงภาพรถไฟฟ้าใต้ดินตอนเช้าเวลาเข้างาน มีแต่คนสีหน้าอิดโรย กว่าครึ่งนั่งหลับ
โดยไม่รู้ตัว สังคมเราอาบไปด้วยความกังวล วิตก เครียดขึ้ง มีคนพูดกันบ่อย ๆ ว่า สังคมเกาหลีเป็น “สังคมแห่งความเหนื่อยล้า” แต่ที่เหนื่อยไม่ใช่ร่างกาย ทว่าคือสมอง แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่เข้าใจเรื่องสมองล้าเลย ทั้งข้อเท็จจริง อันตราย ไม่ทราบด้วยซ้ำว่ามันส่งผลกระทบใดบ้างต่อร่างกาย จิตใจ และชีวิตเรา
เห็นชัดว่าสังคมไปต่อแบบนี้ไม่ได้ เราต้องรู้จักความอันตรายของสมองล้า ต้องตื่นตัวกับมัน
สภาพสังคมเราตอนนี้ ไม่กล่าวถึงสมองล้าไม่ได้แล้วครับ
สมองล้าไม่แสดงอาการให้รู้สึกชัดเจน ยิ่งปล่อยไว้ไม่ได้ใหญ่ ถ้าพูดถึงทรัพย์สมบัติสูงค่าหนึ่งเดียวของคนเรา คงไม่มีอะไรเทียบเท่ามันสมอง การดูแลสมองให้แข็งแรงเป็นเสมือนการบ้านที่โลกมอบแก่เราไม่ใช่หรือ
น่าสลดใจนัก สิ่งแวดล้อมทางสังคมที่เราเลือกช่างไม่คุ้มเอาเสียเลย คลื่นลมของสิ่งที่เรียกว่าตลาดโลก ยิ่งใหญ่เกินกำลังเรารับมือ เราต้องถูกซัดให้บอบช้ำซ้ำซาก ทั้งการเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์และกว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา เราเอาแต่วิ่งตามความทันสมัยของยุคใหม่ จนเหนื่อยแสนเหนื่อยทั้งกายและใจ
ยิ่งสงครามนี้มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด จึงต้องตั้งสติให้มั่น ตั้งใจให้ดีและแจ่มชัด ใช้ความฉลาดข้ามผ่านคลื่นลมอันโหดร้ายของมันไปให้ได้ เพราะแบบนี้ถึงต้องใช้สมองให้เป็น แม้เกาหลีใต้จะมีชั่วโมงทำงานสูงที่สุดในโลก แต่มีรายงานให้ขมขื่นใจว่า ในเชิงผลผลิตและประสิทธิภาพ เรามีไม่ถึงครึ่งของประเทศพัฒนาแล้ว น่าหดหู่ที่เรายังคงมีนิสัยทำงานแบบเหยี่ยว เฝ้าแต่หมกมุ่นหาอาหารในทุ่งข้าวบาร์เลย์ มุ่งมั่นจริงจังกันเหลือเกิน การทำงานยันดึกดื่นเลยกลายเป็นเรื่องปกติเฉกเช่นการทานข้าว เกิดค่านิยมให้ฝืนทนทำงานต่อแม้ร่างกายจะเหน็ดเหนื่อย
ถึงเวลาเราต้องใช้สมองอย่างฉลาดกันแล้วครับ จะให้สมองล้าไม่ได้ หรือหากล้า ก็ต้องหาทางแก้ไขให้ว่องไว จะใช้วิธีแบบตอนนี้ไม่ได้แล้ว เราต้องเข้าใจและใช้สมองให้เป็น เพื่อดึงศักยภาพสมองออกมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ไม่ทราบเหมือนกันว่าใช้คำ “ปฏิวัติพลังสมอง” จะดูคุยเขื่องไปหรือเปล่า แต่ถึงเวลาเปลี่ยนความคิดแล้ว ถ้าไม่เปลี่ยนแบบปฏิวัติไปเลยก็ไม่ได้เสียด้วย
ต้องขอบคุณหลาย ๆ ท่านที่มาพักในหมู่บ้านเซนของเราแล้วเล่าสู่กันฟังบ่อย ๆ ว่า ความเหนื่อยล้าหายไป มองโลกมุมใหม่ สดใสกว่าเดิม ตระหนักและเข้าใจว่า “อา... สมองเราเหนื่อยอยู่นี่เอง!”
แรงผลักดันให้ผมเขียนต้นฉบับเริ่มจากตรงนี้ อะไรหนอที่ทำให้สมองพวกเขาล้า จะบรรเทาอาการสมองล้าของผู้คนที่เข้าพักหมู่บ้านเซนสั้น ๆ อย่างไรดี เมื่อกลับไป จะให้พวกเขาใช้วิธีใดมาปฏิบัติแทนการฝึกในหมู่บ้าน เพื่อรับมือสมองล้าอย่างได้ผลในชีวิตประจำวัน... “สมาคมวิจัยสุขภาพสมอง” ใช้คำถามเหล่านี้มาคิดต่อยอดโดยอิงหลักธรรมชาติ และผมได้นำคำตอบมาเขียนเป็นต้นฉบับในมุมมองวิทยาศาสตร์สมองครับ
อาจดูเจื่อน ๆ อยู่สักหน่อยที่ผมหยิบยกเรื่องตัวเองมาเขียนด้วย มีคนบอกผมบ่อย ๆ ว่า ไม่ง่ายเลยที่คนอายุ 80 จะยังคงสร้างสรรค์ผลงาน กระปรี้กระเปร่าทำงานไหว คนรอบตัวผมหลายคนถามบ่อยครั้งว่า ผมมีเคล็ดลับอะไร ไม่ใช่ถามเพราะอยากรู้ไปอย่างนั้นเองนะครับ แต่ถามเพราะสงสัยจริง ๆ จึงอยากให้ทุกท่านช่วยเข้าใจด้วยว่า ในฐานะต้นแบบนักจัดการสมอง ผมคงไม่เขียนเรื่องตัวเองไม่ได้ ทั้งชีวิตใน 1 วัน อาหารที่รับประทาน โภชนาการ การดูแลร่างกาย ไปจนถึงห้องอ่านหนังสือกับห้องนอนส่วนตัว ผมเขียนแนะนำไว้ละเอียดแล้วครับ แต่ใช่ว่าจะให้ทำตามทุกอย่างเป๊ะนะครับ ผมหวังเพียงแค่ว่ามันจะเป็นประโยชน์ให้คุณพิจารณานำไปใช้เป็นแนวทางบ้าง
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าต้นฉบับต่ำต้อยนี้จะช่วยคุณให้ “ปฏิวัติพลังสมอง” ดูแลสมองได้เกิดประโยชน์สูงสุดนะครับ
อีชีฮยอง
สารบัญ : สมองหายล้า ชีวิตก็หายเหนื่อย!
สารบัญ
คำนำสำนักพิมพ์ -00
คำนำผู้แปล -00
บทนำ_ทำไมต้องปฏิวัติพลังสมองตอนนี้ - 00
Chapter 01
เรี่ยวแรงที่เคยมี หายไปไหนหมด
ชีวิตแบบหน่วยประจัญบาน โหมงานทว่าไร้แผนการ คุณทำไปเพื่อใคร - 00
ที่ต้องพักไม่ใช่ร่างกาย แต่คือสมอง - 00
สารในสมองที่บงการอาการสมองล้า - 00
สมองล้าในช่วงวัย 40 ปี วิกฤติใหญ่สุดของชีวิต -00
สมองหายเหนื่อย ชีวิตก็หายล้า -00
Chapter 02
เมื่อรู้หลักการของสมอง จะเห็นวิธีแก้ปัญหาสมองล้า
สมองอยากมีความสุขตามสัญชาตญาณ - 00
อาการสมองล้าจากความเครียด -00
Special Page_ตารางวัดความรุนแรงของสมองล้า -00
หากต้องฝืน ไม่ทำดีกว่า -00
ความมุ่งมั่นมากไปทำสมองล้า -00
ไฟมอดในสามวันเมื่อไหร่ ได้เวลาแตะเบรก -00
สิ่งเร้าดี ๆ บนประสาทสัมผัสทั้งห้า นำมาซึ่งพลัง -00
“ยูเรก้า!” สิ่งจำเป็นของคนทำงานใช้สมอง -00
สมองล้าต้องโทษที่นิสัย! -00
Chapter 03
วิเคราะห์ “มนุษย์พลังสมอง” เจ้าของพลังงานล้นเหลือ
เปลี่ยนสู่โหมดคิดบวกง่ายนิดเดียว -00
ซื่อตรงต่อตนเอง -00
ความเครียดคือรสชาติของชีวิต! -00
เติมพลังให้วงจรแห่งความสำเร็จ -00
เต็มปรี่ด้วยโดพามีน ฮอร์โมนแห่งความปรารถนา -00
มนุษย์เซโรโทนินผู้เริงรื่นกับทุกสิ่ง -00
พลังความประทับใจสร้างเรี่ยวแรงแก่สมองทั้งก้อน -00
วงจรคิดบวก ไม่จำนนต่อความล้มเหลว -00
พลังสมองมาจากพลังกาย -00
Special Page_ตำรับยาบำรุงสมองฉบับอีชีฮยอง - 00
Chapter 04
วิธีพักสมอง สร้างสมองไม่อ่อนล้า
จงปลุกพลังประสาทสัมผัสทั้งห้าด้วยสิ่งเร้าอันรื่นรมย์ - 00
Special Page_สิ่งเร้าประสาทสัมผัสทั้งห้าและเสริมสวยให้สมอง -00
สมองชอบตอนเช้า -00
กินตามใจสมองส่วนสัญชาตญาณ -00
ห้องส่วนตัวที่แค่คิดถึงก็สุขใจ -00
Special Page_ห้องอ่านหนังสือที่ใช้นั่งทำงานได้วันละ 15 ชั่วโมงแบบไม่มีล้า -00
ชั่วโมงกับสถานที่ที่ “เยี่ยมสุด ๆ!” -00
ใช้เมลาโทนิน ฮอร์โมนนอนหลับ ให้เป็น -00
สิ่งที่สมองล้าต้องการเดี๋ยวนี้ -00
Chapter 05
เติมเต็มชีวิตด้วยธรรมชาติ
ไม่ใช้พลังสมองสิ้นเปลืองด้วยความสะดวกสบายจากอารยธรรม -00
โชคดีที่คนเราเปลี่ยนแปลง -00
ตั้งใจ แต่ไม่หมกมุ่น! -00
ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวสมองจัดการเอง -00
จงเบิกบานกับก้าวเล็ก ๆ ที่มุ่งสู่จุดหมาย -00
จงอย่าลืมว่า มนุษย์มีพลังฟื้นตัวแสนยิ่งใหญ่ -00
กล้าเงยหน้ามองฟ้าด้วยไม่มีสิ่งใดให้ละอาย -00
ไม่ใช่เพื่อใคร จงอภัยเพื่อตัวเรา - 00
พอได้แล้ว -00
สิ่งจำเป็น ณ ตอนนี้คือเวลาว่าง -00
บทส่งท้าย_พักหน่อย ไม่เป็นไรหรอก - 00
เนื้อหาปกหลัง : สมองหายล้า ชีวิตก็หายเหนื่อย!
หากสมองล้าสะสม พลังสมองย่อมลดลง พลังร่างกายและชีวิตย่อมลดตาม
แบบเดียวกับที่เราไม่เหน็ดเหนื่อยเมื่อพลังกายแข็งแรง พลังสมองแข็งแรงก็ลดความเหนื่อยของสมองลงเช่นกัน เราต้องเรียนรู้วิธีสร้างชีวิตเปี่ยมพลัง ปลุกพลังของมันให้ฟื้นคืน ผ่านเคล็ดลับดูแลสมองไม่ให้อ่อนล้า
รีวิวโดยสำนักพิมพ์ : สมองหายล้า ชีวิตก็หายเหนื่อย!
หน้าที่ ความรับผิดชอบ เส้นตาย ตารางงาน แผนสร้างอนาคต... ชีวิตที่ปีนป่ายสู่ความก้าวหน้าทำให้นาฬิกากลายเป็นระเบิดเวลา ไล่จี้เราให้รีบเร่ง ก่อนกำหนดงานนาทีสุดท้ายจะหมดลง เคยถามตัวเองกันบ้างไหมว่า ทำไมเราต้องใช้ชีวิตวุ่นวายให้เวลาไล่กวดจนเหนื่อยกันขนาดนั้น และที่เราพูดกันบ่อย ๆ ว่า “'เหนื่อย”' คุณเคยเอะใจหรือไม่ว่า ที่เหนื่อยจริง ๆ คือร่างกายหรือสมอง
สมองล้านั้นน่ากลัว แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือเราไม่รู้สึกถึงมัน แน่นอน เราไม่อาจใช้ชีวิตโดยปราศจากการใช้สมองทำงาน ใจความของ Brain Power Revolution ไม่ใช่แบบนั้น ผู้เขียนไม่ได้บอกให้คุณ “'เลิก”' ใช้สมอง แต่ต้องการให้คุณใช้มัน “'เป็น” ' สมองคือสมบัติล้ำค่าของมนุษย์แท้ ๆ ทำไมเราต้องใช้พลังสูงค่าของมันหมดไปแบบสิ้นเปลืองด้วยล่ะละ น่าขำและน่าตกใจ ที่เรื่องบางอย่างก็ใกล้ตัวเสียจนเรามองไม่เห็น หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คุณได้ทบทวนตัวเองอีกสักนิด รู้ทันอาการสมองล้าและรับมือกับมันถูกต้องทันการ
คุณทำงานด้วยสมองปลอดโปร่งจริง ๆ แบบไม่พึ่งกาแฟหรือบุหรี่ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
คุณมีเวลาส่วนตัว พักผ่อนเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองครั้งสุดท้ายตอนไหน
คุณถอดรองเท้าเดินสัมผัสพื้นดิน อยู่ใกล้ชิดต้นไม้ใบหญ้า สูดอากาศสดชื่นครั้งสุดท้ายนานหรือยัง
ถ้า “'ครั้งสุดท้าย”' ที่ว่าช่างรางเลือนลางเลือน คุณคิดถูกแล้วละที่หยิบ Brain Power Revolution ขึ้นมา
เพราะได้เวลาปฏิวัติพลังสมองกันแล้ว