รายละเอียด : ลูกไม้ไกลต้น
ลูกไม้ไกลต้น
รสายืนอยู่หน้าร้านกระจกภายในศูนย์การค้าที่โด่งดังของเมืองกรุง ร้านกำลังซ่อมแซมตบแต่ง ช่างกำลังเร่งทาสีตามคำสั่งของรสาที่จะทำให้เสร็จทันการเปิดร้าน... อาทิตย์หน้า อาทิตย์หน้า...อีกเพียงเจ็ดวันเท่านั้น รสา...หล่อนก็กำลังจะได้เป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้า ชื่อร้าน ...รสาและมธุรส เป็นการลงทุนระหว่างหล่อนกับเพื่อน...มธุรส เป็นความไฝ่ฝันของหล่อน...ที่จะมีกิจการเป็นของตัวเอง หล่อนเก็บหอมรอบริบ ใช้จ่ายอย่างประหยัด กระเหม็ดกระแหม่ ทำงานหนัก เป็นลูกจ้างมาถึงสองปี รวบรวมได้แสนเศษ รวมกับเงินของมธุรสซึ่งเป็นดีไซเนอร์ชื่อดัง...ทุ่มเทกับร้านใหม่บวกกับเงินของบงกช...เพื่อนรัก...ให้รสาหยิบยืม ความใฝ่ฝันของรสา...จึงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
รสาเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนสามคน มีหล่อน มธุรส และบงกช ซึ่งเรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกัน คณะอักษรศาสตร์ บงกชเปลี่ยนงานหลายแห่ง สุดท้ายได้เป็นเลขาฯ ของพ่อค้าวงการอัญมณี มธุรสกับรสาชอบงานเสื้อผ้า ซึ่งไม่ตรงกับวิชาที่ร่ำเรียน มธุรสเริ่มก่อนด้วยการเป็นดีไซเนอร์สมัครเล่น จนกระทั่งผลงานเป็นที่ยอมรับและมีชื่อเสียงภายในเวลาอันรวดเร็ว รสาเองก็ทำงานบริษัทสองปี สุดท้ายก็ลาออกมาเปิดร้านกับมธุรส การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ แม้จะเป็นเพียงร้านเล็กๆ ไม่กี่ตารางเมตร หล่อนก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี หญิงสาวตื่นเต้น ถ้าทาสีเสร็จ เสื้อผ้าอาภรณ์ก็พร้อมจะทยอยเข้าเรียงราย หล่อนฝันถึงลูกค้าที่เข้ามาในร้าน หล่อนจะเป็นแม่ค้าที่อ่อนหวานและใจเย็น ร้านของหล่อนต้องขายดี แล้วอนาคตต้องขยายสาขา ขยายให้ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น
"อมยิ้มอะไรจ๊ะ" เสียงทักทายดังพร้อมกับมือโอบเข้าที่เอวด้านหลัง รสาสะดุ้ง ที่แท้ก็เป็นบงกชกับมธุรสมาทำให้ความฝันของหล่อนกระเจิดกระเจิง "นึกอยู่แล้ว เธอต้องมาอยู่ที่นี่แน่" บงกชเอ่ยปาก "เลยชวนรสมาหาเธอ" "อยู่สิ" รสาว่า "อาทิตย์หน้าก็จะเป็นร้านแล้วนี่" "เธอมาเฝ้าการตบแต่งร้านทุกวันเลยนะ" "ต้องมาเร่งช่าง ไม่งั้นอู้งาน เดี๋ยวเสร็จไม่ทัน" "มานั่งเฝ้า ยืนเฝ้า แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ปลาบปลื้มเชียว" บงกชจับแก้มเพื่อน "ยิ้มแก้มแทบฉีก" รสาปัดมือออก หัวเราะ "แน่สิจ๊ะ ร้านนี้ฉันทุ่มหมดตัวเชียว กับยายรส และยังมีเงินของเธอด้วย ร้านได้กำไรเมื่อไหร่จะได้คืนเงิน" "กลัวฉันคิดดอกเบี้ยหรือไง" รสาพยักพเยิดกับมธุรส "ถึงคิดก็ไม่จ่าย หลวมตัวให้ฉันยืมเงินแล้วนี่" "ใช่..ไม่จ่ายดอกเบี้ย" มธุรสกล่าวยิ้มๆ บงกชชี้หน้ารสากับมธุรส แกล้งคำราม "ดี..แล้วฉันจะมาขนเสื้อผ้าในร้านไปใส่ฟรี โดยไม่จ่ายเงิน" "ไม่จ่ายเราก็เบี้ยวหนีซะเลย" รสามีไม้ตาย "ใช่..ใช่..เงินต้นก็ไม่จ่าย" มธุรสเห็นด้วย บงกชเบ้ปาก "แหม..สองรุมหนึ่งเชียว ไม่รู้ละ ร้านนี้ ฉันก็ถือว่าฉันมีหุ้นด้วย แม้ชื่อร้านจะไม่มีชื่อฉันก็ตาม" รสากอดเพื่อน "จ๊ะ..เราสามคนเป็นเจ้าของร่วมกัน" ถ้าพูดถึงเรื่องรักเพื่อนแล้ว.. รสาซาบซึ้ง บงกชกับมธุรสเป็นเพื่อนรักที่สามารถเปิดอกพูดคุยได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความทุกข์ ทั้งสาม..ยึดถือความจริงใจเป็นที่ตั้ง บงกชกับมธุรสเป็นกำพร้า..จึงไม่มีอะไรผูกพันกับใครอื่นนอกจากเพื่อน
รสาไม่ใช่กำพร้า หล่อนยังมีแม่สุภา บ้านแม่อยู่ฝั่งธนฯ ตอนเรียนมหาวิทยาลัย รสาอยู่หอพักกับเพื่อนเพื่อสะดวกกับการไปเรียนหนังสือ พอเรียนจบก็เช่าบ้านอยู่ เพื่อสะดวกกับการทำงาน การจราจรนั้นเป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนเมืองกรุง บ้านแม่อยู่ซอยลึก และเป็นบ้านเช่า รสากลับไปเยี่ยมมารดาเกือบทุกอาทิตย์ เพิ่งระยะหลังที่ลาออกจากบริษัท มาเตรียมการเปิดร้าน มาเฝ้าช่างตอบแต่งร้านทุกวัน หล่อนจึงไม่ได้กลับไปเยี่ยมแม่ อีกสาเหตุที่ทำให้รสาต้องเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนเพราะพี่ชาย.. พี่มนัส
เนื้อหาปกหลัง : ลูกไม้ไกลต้น
ลูกไม้ไกลต้น
รสา ลูกนอกสมรสของนายเฉลิม บดินทรวัชระ มหาเศรษฐีแห่งวงการค้าอัญมณีระดับประเทศ เธอไม่เคยได้รับการยอมรับจากบุคคลที่อยู่รายรอบ แม้กระทั่งจากพ่อแท้ๆ ของเธอเอง
ถ้าจะเปรียบเสมือนลูกไม้ เธอก็เป็นลูกไม้ที่เกิดท่ามกลางพายุ ถูกพัดกระหน่ำจนกระจัดพลัดพราย จนตกไกลต้นเสียเหลือเกิน ไกลเกินกว่าที่จะอาศัยร่มเงาของกิ่งใบช่วยดูแลได้
ลูกไม้นั้นจึงต้องฝ่าเปลวแดด ลมฝน ฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อยืนหยัดอย่างทระนงรอเวลาที่จะหยั่งรากลึกอันแข็งแรงลงสู่ผืนพสุธาเพื่อจะเติบโตขึ้นมาชูช่อ แห่งศรัทธา ความเชื่อมั่น และความดี อย่างกล้าแกร่งและสง่างาม
รีวิวโดยสำนักพิมพ์ : ลูกไม้ไกลต้น
ลูกไม้ไกลต้น
สถาบันครอบครัวเป็นสถาบันแรกสุดที่มนุษย์จะได้มีปฏิสัมพันธ์กันเป็นสถาบันที่รวมของบุคคลซึ่งมีความรัก ความเกื้อกูล ความห่วงหาอาทรให้แก่กัน ช่วยเหลือกันในยามทุกข์ยาก ปกป้องคุ้มครองป้องกันภันอันตรายให้แก่กัน และในยามที่มีความสุข ก็มีความสุขร่วมกัน เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม นั้นคือมนุษย์ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่โดยลำพังได้ ดังนั้นครอบครัวจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะตอบสนองการใช้ชีวิตของมนุษย์
ลูกไม้...ไกลต้น เป็นนวนิยายที่สะท้อนถึงความจำเป็นของการมีสถาบันครอบครัว การได้รับการยอมรับซึ่งกันและกันระหว่างพ่อ แม่ และลูก ซึ่งเชื่อว่าบุคคลทั้งสามสถานะนี้มีความรักที่บริสุทธิ์และจริงใจมอบให้คนหนึ่ง รสา ตัวละครเอกในเรื่องซึ่งมีสถานะเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง จึงพยายามทุกวิถีทางที่จะพิสูจน์ตนเองให้ชายผู้ที่เธอเชื่อมั่นว่าเป็นพ่อแท้ๆ ของเธอซึ่งเป็นถึงมหาเศรษฐีในวงการอัญมนีระดับประเทศได้เห็น แม้ว่าเขาจะไม่ยอมรับและไม่เคยรับรู้การมีตัวตนอยู่ของเธอเลยก็ตามเป้าหมายของเธอไม่ใช่มรดกมหาศาล ไม่ใช่ชีวิตที่ดีขึ้นอย่่างเลิศหรูฟู่ฟ่า แต่คือการยืนยันสถานะความมีตัวตนของเธอ ของแม่ของเธอ และความรักความอบอุ่นที่เธอจะได้รับจากพ่อแท้ๆ ของเธอเท่านั้น เป้าหมายของเธอนั้นดูเหมือนห่างไกลเกินฝัน สุดที่จะไขว่คว้าได้ถึง เธอต้องผ่านอุปสรรคมากมายต้องพิสูจน์ตนเอง ต้องอดทนต่อสายตาของคนรอบข้างที่มองเธออย่างดูถูกเหยีดหยาม ต้องอดทนเฝ่าฟันแม้กระทั่งกับชายคนที่เธอรัก
นอกจากเป็นสถาบันแรกแล้ว สถาบันครอบครัวยังเป็นสถาบันที่มีความสำคัญที่สุด เพราะเป็นหน่วยงานแรกทางสังคอมที่หล่อหลอมให้คนออกไปสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ การปลูกฝังด้วยความรัก ความห่วงใยกันการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จะทำให้ความดีงามนั้นหยั่งรากลึกลงไปในจิตใจ และจะช่วยส่งต่อความดีนั้นให้แผ่ขยายออกไปยังเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ ดุจดังเมล็ดพันธุ์อันทรงคุณค่า ที่ไม่ว่าจะตกอยู่ในที่รกชัฏ มืดมิดหรือเต็มไปด้วยปลักเพียงใด ก็พร้อมจะงอกเงยเติบโตขึ้นมาเป็นต้นไม้ที่สวยงาม สมบูรณ์ และมีคุณค่า
ด้วยความปรารถนาดี
สำนักพิมพ์แสงดาว