รายละเอียด : ไม่มีความเจ็บปวดใดที่คุณเอาชนะไม่ได้

          ไม่มีความเจ็บปวดใดที่คุณเอาชนะไม่ได้ หนังสือเล่มนี้จะโอบกอดคุณ ด้วยเรื่องราวเเห่งการเติบโต มอบสารฟื้นฟูใจ นำพาคุณ สู่จุดหมายของชีวิต ชีวิตของคุณ ไม่ใช่ชีวิตของคนไม่เอาไหน ถึงเวลาเปลี่ยนเป็นคุณคนใหม่ ที่ไม่ใช้ชีวิตจากคำตัดสิน หรือคำพูดของคนอื่นอีกต่อไป

          หยอดฝันไว้ที่ปลายคอร์ท หนังสืออัตชีวประวัติเล่มแรกในชีวิตของน้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ สุดยอดนักแบดมินตันมือหนึ่งของไทย เธอเป็นเพียงเด็กสาวอายุ 21 ปีที่คว้าแชมป์มาแล้วเกือบทุกรายการที่เธอลงแข่ง รวมถึงแชมป์โลกอายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ 

          ใครเลยจะรู้ว่าจุดเริ่มต้นเธอเป็นเพียงลูกคนงานโรงงานทำขนมที่วิ่งเล่นไปมาอยู่บริเวณโรงงานเท่านั้น ด้วยต้นทุกอันจำกัด แต่อาศัยความวิริยะอุตสาหะฟันฝ่าอุปสรรคครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เธอกลายมาเป็นขวัญใจอันดับต้นๆคนหนึ่งที่คนไทยรักเธอมากที่สุดอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

สารบัญ : ไม่มีความเจ็บปวดใดที่คุณเอาชนะไม่ได้

-Chapter 1 ไม่ให้หัวใจพ่ายแพ้น้ำตา

-Chapter 2 เราเป็นผู้ใหญ่แล้วจริง ๆ

-Chapter 3 ไม่มีความเจ็บปวดใดที่คุณเอาชนะไม่ได้

-Chapter 4 การเป็นตัวฉันบนโลก

-Chapter 5ฝึกรักให้เป็น

-Chapter 6 เพื่อครอบครัวแสนสุข

 

เนื้อหาปกหลัง : ไม่มีความเจ็บปวดใดที่คุณเอาชนะไม่ได้

          สิ่งที่เราควรทำในชีวิตนี้ คือการแต่งแต้มชีวิตแสงสว่างเร้าต้องกล้าเปลี่ยนโชคร้ายให้กลายเป็นความหวัง ลองละทิ้งความคิดหม่นไหม้ เปลี่ยนตัวเองให้มองโลกในแง่ดีแล้วเรียนรู้จากเรื่องราวแห่งความหวัง

• ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงแตกต่าง แต่อยู่ตรงการมองว่าต่าง
• ไม่มีฝัน ใช่ว่าผิด
• ทิ้งเรื่องไร้สาระลงเมื่อไหร่ แล้วคุณจะเห็นความหวัง
• ความรู้สึกว่าได้รับความรักสำคัญกว่าเซ็กซ์
• เราเติบใหญ่ภายใต้การจากลา...
• ความรักในแบบของคุณ ไม่ใช่ของซินเดอเรลลา...

ปาร์กมินกึน

          สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและโท จากคณะวรรณกรรมและภาษาเกาหลี มหาวิทยาลัยยอนเซ เมื่อเข้าวัยสามสิบชีวิตพลิกผันจนป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เขารับการบำบัดเพื่อเอาชนะมัน

          กระทั่งกลายเป็นผู้ใช้วรรณกรรมและงานเขียน มาบำบัดแผลใจแก่คนจำนวนมากตลอดสิบปีต่อมา ปัจจุบันเป็นผู้จัดการศูนย์บำบัดจิตใจเฮลโลสมายล์ (www.hellosmile.kr)

รีวิวโดยผู้เขียน : ไม่มีความเจ็บปวดใดที่คุณเอาชนะไม่ได้

         หนังสือเล่มนี้ใช้วิธีหยิบยกพลังบำบัดที่มีอยู่ในวรรณกรรม ภาพยนตร์

บทกวี เรื่องราวของบุคคลตัวอย่าง ที่คุณหมอผู้เขียนเคยลองนำไปใช้กับคนไข้

และเห็นผลในแง่ดี ว่าแต่ทำไมสิ่งเหล่านี้ถึงมีพลังบำบัดล่ะ คุณเคยสงสัยไหมคะ

ว่าก่อนที่พวกมันจะได้รับการยกย่องเป็นผลงานชิ้นเอก เป็นเพชรน้ำหนึ่ง เป็นงาน

อมตะ ผู้สร้างสรรค์พวกมันซึ่งเป็นปุถุชนคนธรรมดาเหมือนเรา ใช้ต้นทุนอะไร

ถึงให้กำเนิดสิ่งยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้

          แน่นอน ทั้งเวอร์จิเนีย วูล์ฟ, ดอกเตอร์วิกเตอร์ อี. ฟรังเคิล, โอปราห์ วินฟรีย์

หรือกระทั่งพระพุทธเจ้า ต่างเคยประสบเหตุการณ์แห่งทุกข์กันทั้งสิ้น

นักประพันธ์ กวี และผู้สร้างสรรค์คนเก่งล้วนเป็นนักปฎิบัติ พวกเขาใช้

ประสบการณ์ดีและร้ายในชีวิตมาร้อยเรียงถ่ายทอด เรารู้จักมันในฐานะผลงาน

ชิ้นเยี่ยม แต่เราอาจไม่เคยนึกว่าในความยอดเยี่ยมนั้น นอกจากองค์ประกอบชื่อ

"พรสวรรค์" "อัจฉริยะ" ยังมีอีกมุมคือ "ประสบการณ์เจ็บปวด"

          ผู้สร้างสรรค์และนักนักปฏิบัติเลือกจะเข้าใจ ยอมรับเรื่องทุกข์เลวร้าย นำ

พวกมันมาใช้ปรับปรุง กระตุ้น เคี่ยวกรำตัวเองให้ผึกฝน พัฒนาตัว แทนที่จะ

สบถก่นด่าโชคร้าย คร่ำครวญอยู่กับปลักแห่งอดีต สิ่งที่ได้คือผลงานยิ่งใหญ่

มีพลังมากพอที่จะสอนใจ ผลักดัน เยียวยา ส่งแรงบันดาลใจกระเพื่อมสู่ใจผู้อื่น

         เพราะเป้าหมายหมายการมีชีวิตอยู่คือการเติบโต หากเรามัวแต่จมอยู่กับ

ความทุกข์ในอดีต พะวงกับอนาคต เราจะไม่มีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน เราจะเป็นเพียง

ซากที่หายใจได้ อันที่จริงความทุกข์ ความเจ็บปวด บาดแผลในใจ ต่างเป็น

แค่มโนภาพที่เราก่อขึ้นเอง หากเรามีสติพอ รู้ทัน ไม่คิด ไม่ยึดมั่น ไม่อนุญาต

ให้พวกมันย้อนมาทำร้ายเราซ้ำซาก แผลใจต่าง ๆ ย่อมทุเลาลงเร็ววัน

          ขอให้หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งที่เตือนสติ ช่วยให้บาทแผลใด ๆ ในใจ

คุณผู้อ่านประสานและเปลี่ยนแปลงสู่บทเรืยนแห่งการเติบโต การเผชิญหน้ากับ

ความทุกข์อาจจะยาก แต่ไม่ยากเกินจะทำสำเร็จแน่นอน ดังชื่อหนังสือเล่มนี้

ที่ว่า ไม่มีความเจ็บปวดใดที่คุณเอาชนะไม่ได้

                                                                                      ตรองสิริ ทองคำใส

รีวิวโดยสำนักพิมพ์ : ไม่มีความเจ็บปวดใดที่คุณเอาชนะไม่ได้

          หนังสือเลมนี้มีคุณงามความดีหลาย ๆ อย่างอยู่ในเล่ม ที่คุณอาจพลาด

หากอ่านมันไม่จบ

          เพราะหนึ่ง มันพูดถึงปัญหาที่คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันกำลังประสบพบเจอ

จากการแข่งขันกันอย่างรุนแรงในสังคม สอง มันพูดถึงโรคซึมเศร้าหรือภาวะทาง

จิตเวช ที่คนรุ่นใหม่ในสังคมมีโอกาสสุ่มเสี่ยงจะเป็น หากไม่สามารถหาทางออก

จากปัญหาต่าง ๆ เหล่านั้นได้

          สาม มันเป็นเรื่องราว เหตุการณ์ และสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ ในเกาหลี

ประเทศที่มีความเป็นอยู่และวัฒนธรรมใกล้เคียงกับบ้านเรา สี่ มันมีเนื้อหาและ

ข้อคิดดี ๆ จากหนังสือ หนัง และสารคดี ที่ปาร์กมินกึน ผู้เขียนหยิบมาให้ผู้ขอ

คำปรึกษาอ่านและชม เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและปลดปล่อยเขาจากพันธนาการ

บางอย่างในจิตใจ

          ในหนังสือเล่มนี้คุณจะได้พบกับความรักล้นเหลือของคุณแม่คนหนึ่ง

ที่อยากช่วยเหลือลูกชายผู้ติดเกมจากความไม่เอาไหน (บทที่ 3 กักขังใจเรา

เพราะผู้อื่น....) คุณจะพบว่าการเป็นเพศที่สามาไม่ใช่เรื่องประเหลาด แต่เป็นพร

จากสวรรค์ต่างหาก (บทที่ 5 ต่างจากคนอื่นคือพร) และคุณจะพบว่าการที่

เด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกคุณพ่อทอดทิ้งตั้งแต่วัยเยาว์มันสร้างผลกระทบเพียงใด

และจะแก้ปัญหานี้ได้อย่าง (บทที่ 6...ถึงเวลาตามหารักของพ่อที่เราไม่เคย

ตระหนัก) ฯลฯ บางบทอาจทำให้เราน้ำตาซึม และบางบทอาจทำให้เราจุกอก

ตื้นตันได้

          เนื้อหาในเล่มอาจอ่านยากสักหน่อยสำหรับคนที่ชอบอ่านอะไรตรงไป

ตรงมา เพราะแทบทุกเรื่องจะมีตัวอย่างจากวรรณกรรมคลาสสิกระดับโลก ที่มี

สำนวนภาษาสวยงาม และมีความหมายลึกซึ้งที่ให้ไปขบคิดต่อ แต่หากคุณ

ยอมเสียเวลากับหนังสือเล่มนี้สักนิด เราเชื่อว่าคุณจะได้เวลาในชีวิตกลับคืนไป

มากมาย เพราะไม่ต้องเสียเวลาติดหล่มอยู่กับปัญหาบางอย่างที่ผู้คนในหนังสือ

ต้องเผชิญ

          และเราหวังว่าคุณจะประทับใจหนังสือเล่มนี้ แบบเดียวกับที่เราประทับใจ

มาแล้ว

                                                                                       springbooks

                                                                                    กุมภาพันธ์ 2559