รายละเอียด : เคล็ดลับจูงใจคน [MOTIVATION]
มีผลการวิจัยหลายชิ้นที่ทำโดยที่ปรึกษาการจัดการในยุโรป ช่วงปลายปี 1940 จนถึงช่วงต้นปี 1950 เปรียบเทียบผลการทำงานของโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศอังกฤษกับโรงงานที่เยอรมนีตะวันตก สิ่งที่พวกเขาพบคือโรงงานผลิตยานยนต์ของเยอรมนีมีประสิทธิภาพมากที่สุดโดยผลิตออกมาได้มากกว่าโรงงานของอังกฤษถึงสี่เท่าตัว ในตอนแรกนักวิจัยชาวอังกฤษตำหนิเรื่องความต่างที่ว่าเครื่องจักรและโรงงานของเยอรมนีทั้งหมดเป็นของใหม่ที่ถูกสร้างหลักจากสงครามโลกครั้งที่สอง ในขณะที่โรงงานส่วนมากของอังกฤษมีความเก่าและยังคงใช้เครื่องจักรจากปี 1930
เพื่อทดสอบทฤษฎีนี้พวกเขาจึงทำการเปรียบเทียบโรงงานใหม่ของอังกฤษกับโรงงานใหม่ของเยอรมนีซึ่งผลิตรถขนาดเดียวกันด้วย แรงงานคุณภาพเท่าเทียมกัน แต่ละแห่งใช้เทคโนโลยีและวัสดุเหมือนกัน พวกเขาพบว่าไม่ว่าจะเปรียบเทียบระหว่างโรงงานที่มีการจัดการที่ดีที่สุด หรือโรงงานที่มีการจัดการที่เลวร้ายที่สุดระหว่างทั้งสองประเทศนี้ ผลก็ยังมีสัดส่วนความแตกต่างของการผลิตที่สี่ต่อหนึ่งอยู่ดี
จำนวนผลการผลิตที่แตกต่างที่ไม่สามารถอธิบายด้วยวัสดุหรือปัจจัยทางเทคนิคกลายเป็นที่รู้จักกันในนามของ "ปัจจัยเอกซ์" (X factor) การค้นพบปัจจัยเอกซ์ซึ่งตอนนี้จะเรียกว่าปัจจัยทางจิตวิทยา นำไปสู่การปฏิวัติการจัดการที่เกิดขึ้นเมื่อหกสิบปีที่ผ่านมาทั่วโลก
จนกระทั่งวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปี 1930 ความก้าวหน้าในการจัดการเกือบทั้งหมดเป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และกระบวนการผลิต ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือธรรมชาติในการจัดการและจิตวิทยา ปัจจัยเอกซือธิบายได้มากกว่าสิ่งอื่นว่าทำไมบางบริษัทประสบความสำเร็จและบางบริษัทล้มเหลว ทำไมบริษัทในลำดับต้นๆ ของทุกๆ อุตสาหกรรมเพียงร้อยละ 20 จังได้ผลกำไรถึงร้อยละ 80 และทำไมคนที่มีความสามารถส่วนมากจึงถูกดึงไปอยู่ในบริษัทที่ดีที่สุด
โดยการเข้าไปจับปัจจัยทางจิตวิทยาที่กำหนดผลการปฏิบัติ งานและจำนวนผลผลิต คุณก็สามารถสร้างความแตกต่างเป็นอย่างมาก ต่อประสิทธิภาพการเป็นผู้จัดการของคุณและสามารถในการสร้างผลลัพธ์ได้
คำนำ : เคล็ดลับจูงใจคน [MOTIVATION]
ในทุกองค์กร ทรัพยากรที่ถูกใช้น้อยที่สุดและแพงที่สุดคือ คนขององค์การนั้น ศักยภาพสูงสุดของการเติบโต การสร้างผลผลิต การปฏิบัติงาน การประสบความสำเร็จ และการได้รับผลกำไร ล้วนมาจากทักษะและความสามารถของคนธรรมดา ในหนังสือเล่มนี้คุณจะได้เรียนรู้หน้าที่ที่สำคัญมากที่สุดของการจัดการ ความสามารในการสร้างแรงจูงใจให้กับผู้อื่นเพื่อเสริมความสามารถให้สูงสุด เพื่อทำให้คนของคุณสามารถสร้างผลงานได้อย่างเต็มที่
สิ่งหนึ่งที่เรารู้คือคุณไม่สามารถสร้างแรงจูงใจให้กับผู้อื่นได้โดยตรง แต่คุณสามารถขจัดอุปสรรคที่เป็นตัวหยุดแรงจูงใจต่อพวกเขาได้ การสร้างแรงจูงใจทั้งหมดคือการสร้างแรงจูงใจให้กับตนเอง ในฐานถผู้จัดการคุณสามารถสร้างสิ่งแวดล้อมที่มีผลดีต่อการสร้างแรงจูงใจให้กับตนเอง แล้วแรงจูงใจนี้จะถูกปล่อยออกมาตามธรรมชาติและตามสัญชาตญาณ
สารบัญ : เคล็ดลับจูงใจคน [MOTIVATION]
- ปัจจัยเอกซ์
- เลือกคนที่ใช่
- เริ่มอย่างแข็งแรง
- สื่อสารความคาดหวังอย่างชัดเจน
- ฝึกการจัดการแบบมีส่วนร่วม
- ปัจจัยสี่ประการของการสร้างแรงจูงใจ
- หลักสาร R
- การจัดการด้วยค่านิยม
- ผึกการจัดการตามวัตถุประสงค์
- การจัดการโดยข้อยกเว้น
- ประยุกต์ใช้หลักพาเรโต
- เป็นคุณคูร
- ฝึกและให้การศึกษาอย่างต่อเนื่อง
- ของเสียเป็นศูนย์
- แนะนำวงจรคุณภาพ คุณภาพทีม
- ฝึกการระดมความคิดอย่างสม่ำเสมอ
- เป็นผู้สอนงาน
- การนำโดยตัวอย่าง
- การรับฟังพนักงาน
- จดจำปัจจัยมิตรภาพ
- สร้างเวทมนตร์แห่งแรกจูงใจ
เนื้อหาปกหลัง : เคล็ดลับจูงใจคน [MOTIVATION]
ในองค์การ ทรัพยากรที่ถูกใช้น้อยที่สุดและแพงที่สุดคือ คนขององค์กรนั้นศักยภาพอันสูงสุดของการเติบโต การสร้างผลผลิต การปฏิบัติงาน การประสบความสำเร็จ และการได้รับผลกำไรล้วนมาจากทักษะและความสามารถของคนธรรมดา ในหนังสือเล่มนี้คุณจะได้เรียนรู้หน้าที่ที่สำคัญมากที่สุดของการจัดการนั่นคือความสามารถในการสร้างแรงจูงใจให้กับผู้อื่นเพื่อเค้นความสามารถสูงสุดของพวกเขาออกมา
ในหนังสือเล่มนี้ ไบรอัน เทรซี่ พูดถึง 21 กลยุทธ์จูงใจคน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ 21 อย่าง อาทิเช่น
- การท้าทายด้วยการมอบหมายงานที่ทำให้พวกเขาเติบโต
- ตอบสนองความต้องการของพนักงานทั้งในแง่ส่วนตัวและองค์การ
- ลดความกลัวที่จะล้มเหลว และกระตุ้นให้พวกเขากล้าเสี่ยง
- ขจัดอุปสรรคให้พวกเขา
- ให้การตอบสนองที่ชัดเจนเพื่อให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้า
- ฯลฯ