รายละเอียด : ม่านไหมสายทอง
สารคดีท่องเที่ยว จากนิตยสาร ลลนา ปี 2529
คำนำ : ม่านไหมสายทอง
หลายคนที่ไปเยือนจีนขณะนี้จึงมีความเห็นคล้ายๆกัน นั่นก็คือเห็นว่าน่าเสียดายที่บางเมืองบางแห่งของประเทศกลายเป็นฝรั่งเศส อเมริกาไปแล้ว แม้บางเมืองที่ไกลหน่อยยังเหมือนเดิม มีรากเหง้าอารยธรรมปักมั่นไม่หันเหไปทางไหน เช่นเดียวกับผู้ที่ได้รับการกล่อมเกลามาแต่แรกเกิด ให้เป็นให้อยู่อย่างชาติจีนเคยเป็นเคยอยู่ เพื่อต่อสู้สงครามได้ทุกรูปแบบไม่ว่าสงครามการเมืองหรือเศรษฐกิจที่กำลังรุมเร้าทุกชาติในโลกสมัยใหม่อย่างไม่วางมือ
แม้กระนั้น ภาพที่แลเห็นในหลายแห่งก็ยังเป้นภาพแห่งความเสียดาย
จีนในควมทรงจำของข้าพเจ้าที่ยังตราตรึงอยู่ในใจจึงถือเป็นจีนยุคเก่าที่มีค่า นับว่าตนเองโชคดีที่ได้เห็นจนผุดขึ้นมาโดดเด่นอยู่ในใจเสมอ จนประจักษ์ได้เป็นนิจว่าสมัครจะเลือกจีนแบบไหน
จีนยุคเก่าหรือจีนยุคใหม่ที่สวมสูทผูกไท
2529 จีนแผ่นดินใหญ่ ม่านไหมสายทอง จึงสมควรมาปรากฏกายให้ผู้ไม่เคยพบจีนในวันเวลาที่เพิ่งเปิดประเทศใหม่ ได้ชวนชื่นและชมชอบตามกรอบของจีนที่เป็นจีน
ปรารถนาให้ผู้อ่านได้สัมผัสบรรยากาศในพ.ศ.นั้นไม่มีวันจะหวนกลับไปอีกได้
ผู้เคยสัมผัสจึงอาลัยด้วยความประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
กฤษณา อโศกสิน
สารบัญ : ม่านไหมสายทอง
- เยือนแดนมังกร
- มังกรเลี้ยงลูกไก่
- นักเขียนเมืองไหม
- เมื่อมาก็ต้องไป
- ผืนดินสีเหลือง
- ม่านไหมสายทอง
เนื้อหาปกหลัง : ม่านไหมสายทอง
เมื่อมาย้อนอ่าน ม่านไหมสายทอง ที่คุณนันทวัน หยุ่น และข้าพเจ้าผลัดกันเขียนคนละตอน ลงในนิตยสาร ลลนา รายปักษ์ เมื่อปี 2529
เห้นว่าเป็นสารคดีที่น่าจะนำออกเผยแพร่ให้ผู้คนในวันนี้มีโอกาสสัมผั ไม่ว่าจะอ่านอย่างเปรียบเทียบระหว่างจีนยุคนั้นกับยุคนี้ หรือจะอ่านอย่างเห็นว่าแม้วัฒนธรรมตะวันตกจะไหลบ่า เข้าครอบคลุมสาธารณรัฐประชาชนจีนเพียงไหน แต่ แก่นแท้ ของจีนก็ยังดำรงคงมั่น
กฤษณา อโศกสิน