รายละเอียด : ดวงใจวาคิม
ดวงใจวาคิม
ฝ่ามือหยาบกร้านที่แตะต้องผิวเนื้อของเธอตอนนี้ช่างน่าขยะแขยง สัมผัสของมันช่างหยาบคาย กักขฬะเกินกว่าจะทนไหว ยิ่งใบหน้าอวบอ้วนแดงก่ำนั้นก้มต่ำลงมาจนได้กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งก็ยิ่งโหมกระพือให้ท้องไส้ของเธอปั่นป่วนจนอยากขย้อนของเก่าออกมาด้วยความสะอิดสะเอียน
"ขอร้อง อย่าทำแบบนี้ ปล่อยฉันไป" น้ำเสียงเจือสะอื้นแผ่วพร่าเล็ดลอดออกมาจากปากบวมเจ่อของหญิงสาวที่นอนราบไปกับเตียงขนาดคิงไซซ์ มุมปากยังมีคราบเลือดให้เห็น อันเป็นผลพวงจากแรงตบของฝ่ามือหยาบกร้านคู่นี้ "ปล่อยมึงไปให้โง่หรือ ฝันไปเถอะ เพื่อนมึงมันทำกูไว้แสบนัก ดูนี่" หนุ่มใหญ่ร่างท้วมหันศีรษะด้านหลังพร้อมกับชี้ให้ดูตรงตำแหน่งที่ยังมีพลาสเตอร์แปะเอาไว้อยู่
"แผลที่อีนังนุชมันทำกู กูสาบานเลยว่าจะลากมันมาให้ได้ กูจะให้พวกลูกน้องรุมโทรมมัน แล้วจะส่งมันไปขายซ่องที่ชายแดน และมึง สภาพอย่างนี้คงหนีกูไม่พ้นหรอก อย่าคิดว่ากูจะพลาดอีก มึงเป็นเพื่อนมัน ฉะนั้นมึงต้องรับโทษแทนมัน กูจะทำให้รู้ว่านรกกับสวรรค์น่ะ มันอยู่ใกล้กันแค่เอื้อม"
ทันทีที่พูดจบ ร่างใหญ่ก็ลุกขึ้นปลดเปลี้ยงอาภรณ์ของตัวเองอย่างใจเย็นจนกระทั่งเปลือยเปล่า และเดินย่างสามขุมไปยังโต๊ะตัวใหญ่แล้วเปิดลิ้นชักหยิบของบางอย่างออกมา สิ่งของที่ทำให้คนที่นอนเปลี้ยอยู่บนเตียงถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความหวาดกลัว อยากหนีก็ทำไม่ได้เพราะถูกวางยาจนไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน หนำซ้ำยังโชคร้ายที่ยังมีสติสัมปรัชญญะพอรับรู้ได้ว่าตนเองกำลังจะถูกทำทารุณกรรมอย่างไรบ้าง
หยาดน้ำใสไหลจากหางตากลิ้งหายเข้าไปในกลุ่มผมสีดำสนิท ปากยังคงสะอื้นไห้ไม่หยุด พร้อมกับพร่ำวิงวอนขอความเมตตากระท่อนกระแท่นจากคนตรงหน้า แม้จะรู้ว่าความหวังริบหรี่เต็มที
ผู้ชายคนนี้เป็นซาดิสม์ "จุ๊ๆ ไม่เอาน่า อย่าร้องไปเลย เรากำลังจะสนุกด้วยกันนะจ๊ะคนสวยไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด เจ็บนิดๆ หน่อยๆ เหมือนมดกัดเท่านั้นเอง ขี้คร้านเดี๋ยวจะชอบจนร้องขอเอาอีกละไม่ว่า อ๊ะ ยังไม่ใช่ไอ้นี่ก็ได้ เรามาเริ่มแบบเบสิกกันก่อนดีกว่านะจ๊ะ"
มืออวบอูมวางแส้เส้นใหญ่สีดำมะเมื่อมไว้ปลายเตียง ก่อนจะค่อยๆ จัดการลอกคราบเธอออกทีละชิ้นราวกับกำลังเล่นแต่งตัวตุ๊กตา และทันทีที่ร่างขาวโพลนนั้นเปลือยเปล่าอยู่ตรงหน้า ร่างอวบหนาก็หายใจหอบแรงขึ้นมาราวกับภูเขาไฟที่จวนเจียนจะระเบิด พร้อมกับโถมร่างเข้าหาอย่างบ้าคลั่ง
อย่า กรี๊ด อินทิราสะดุ้งพรวดขึ้นจากที่นอน หอบจนตัวโยนราวกับวิ่งมาสักร้อยกิโลเมตร เม็ดเหงื่อผุดพรายเต็มดวงหน้าแม้ในห้องที่อาศัยนอนอยู่จะเปิดแอร์ไว้เย็นฉ่ำก็ตาม "ฝันอีกแล้วหรือเนี่ย" หญิงสาวพึมพำเสียงแผ่ว พลางลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่มแก้กระหาย จากนั้นก็เดินกลับมานอนที่เตียงอีกครั้งหนึ่ง
น้ำตาเอ่อรื้นขึ้นคลอเต็มหน่วยตา ภาพฝันร้ายนั้นยังคงตามหลอกหลอนเธออยู่ทุกคืนวันไม่จางหาย เมื่อไรหนอถึงจะหลุดพ้นจากความทรงจำอุบาทว์นั้นได้ หรือมันต้องอยู่กับเธอไปชั่วชีวิต คิดแล้วก็อยากตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
เนื้อหาปกหลัง : ดวงใจวาคิม
ดวงใจวาคิม
เขาจะฉุดเธอให้ออกจากโลกสีเทา และก้าวเดินไปพร้อมกันบนทางฝันที่สวยงาม โลกที่ลลนา เคยอยู่และ เป็นอยู่มันคือสีเทาชีวิตเธอมีแต่ความหม่นเศร้า จนได้พร่ำถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ทำไมเธอต้องเกิดมาด้วย
บาดแผลในใจนั้น เธอเคยคิดเสมอว่ามันคงเกินเยียวยา จนกระทั่งได้มาพบกับเขา ผู้ชายห่ามๆ คนนั้นภายนอกเขาคือนายหัวผู่น่าเกรงขามของใครต่อใคร ทว่าสำหรับเธอแล้ว เขาคือยาใจขนานเอก
วาคิมได้แต่นึกสงสัยตัวเองว่าทำไมสายตาของเขาถึงต้องเอาแต่เฝ้ามองเธอผู้หญิงเย็นชา ใบหน้าไร้อารมณ์ราวกับหุ่น แถมโลกส่วนตัวยังสูงจัด มันสูงเสียจนเขาอยากจะทลายเกราะกำบังอันนั้นให้หายไป แล้วดึงเธอก้าวเข้ามาอยู่ในโลกของเขา
ผู้หญิงที่พร่ำบอกเขาอยู่เสมอว่าทางเดินของเธอเป็นสีเทาชั่วชีวิต แต่เขาไม่สนใจหรอก เพราะเขานี่แหละที่จะสร้างทางเดินให้เธอใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าทางเดินนั้นต้องมีเขาร่วมเดินไปกับเธอด้วย
รีวิวโดยผู้เขียน : ดวงใจวาคิม
ดวงใจวาคิม
ดวงใจวาคิม เป็นเรื่องราวชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่อาภัพ และโชคร้ายหลายอย่างชีวิตของอินทิรา (ลลนา) ผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากมาย จนไม่อยากคาดหวังแล้วว่าจะมีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต เธอขอแค่ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในถิ่นฐานบ้านเกิดเท่านั้นก็พอ
แต่เพราะความรักหนักแน่นจากผู้ชายคนหนึ่ง ได้เปลี่ยนให้คนที่มีแต่ความเคียดแค้น และมองโลกในแง่ร้ายได้เจอแสงสว่าง เขาเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ เป็นความอบอุ่นที่ช่วยฉุดดึงให้ออกมาจากความฝันอันเลวร้ายที่ตามหลอกหลอนมานาน
ดวงใจวาคิม เป็นภาคต่อมาจาก "ใต้ปีกมาเฟีย" ค่ะ หากใครยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้ก็สามารถอ่านดวงใจวาคิมต่อได้นะคะ เพราะเนื้อหาไม่เกี่ยวเนื่องกันค่ะ เรื่องนี้จะเน้นไปที่ชีวิตฟ้าหลังฝนของลลนามากกว่า
ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความรักอับซาบซึ้งตรึงใจของพระเอกนางเอกในเรื่องจะทำให้คุณผู้อ่านรู้สึกอบอุ่นอวลในใจ ยิ้มได้ และรู้สึกเต็มอิ่มเมื่ออ่านจบนะคะ ขอให้ความรักอยู่ในใจของทุกคน
จรสจันทร์