เรื่องเล่าจากสวนขี้คร้าน 1 วิถีในนา

ผู้เขียน: สายลมลอย

สำนักพิมพ์: โพสต์บุ๊กส์

หมวดหมู่: หนังสือบทความ สารคดี , หนังสือสารคดี

0 (0) เขียนรีวิว

315.00 บาท

350.00 บาท ประหยัด 35.00 บาท (10.00 %)

จำนวนคะแนนที่ได้รับ 12 คะแนน

วิถีทางเลือกจากเมืองกรุงสู่ท้องทุ่งที่ที่ ข้าว กับ คน กำลังเติบโตไปพร้อมๆ กัน ปลูกข้าว...ปลูกคน < แสดงน้อยลง วิถีทางเลือกจากเมืองกรุงสู่ท้องทุ่งที่ที่ ข้าว กับ คน กำลังเติบโตไปพร้อมๆ กัน ปลูกข้าว...ปลูกคน
  • ส่วนลด:
    ลด 10%
  • โปรโมชั่น:Naiin.com ช้อปหนังสือคุ้ม ลดแรง ต่อที่ 1 หนังสือลดเลย 10%

315.00 บาท

350.00 บาท
350.00 บาท
ประหยัด 35.00 บาท (10.00 %)

จำนวนคะแนนที่ได้รับ 12 คะแนน

จำนวน :

1

  • โปรโมชั่นพิเศษ:
    • Naiin.com ช้อปหนังสือคุ้ม ลดแรง ต่อที่ 2 ลดเลยทันที 150 เมื่อซื้อครบ 1200.-
จำนวนหน้า
0 หน้า
ประเภทสินค้า
ขนาด
14.4 x 20.8 x 1.5 CM
น้ำหนัก
0.316 KG
บาร์โค้ด
9789742283049

รายละเอียด : เรื่องเล่าจากสวนขี้คร้าน 1 วิถีในนา

ผมเดินเล่นอยู่ในสวน สอดส่ายตาค้นหา ก้ม เงย ซุกซน เหมือนเด็กซึ่งพบโลกอัศจรรย์

หน้าแล้งอย่างนี้ในสวนมีทางเดินให้เลือกมากมาน มุดลอดใต้สุมทุมรกเรื้อ ป่ายปืนจอมแลวกซึ่งเตียนโล่ง เหมือนมีคนมาถางทางหม้

การค่อยๆ เติบโตของต้นไม่ การออกดอก ออกผล ใบไม้ร่วงทุกชีวิตดูเหมือนหยุดนิ่ง หรือรากแม้แต่เคลื่นที่เติบโตเดูเหมือนจะเขื่องช้า จนเหมือนไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ

ท่ามกลางความเชื่องช้านี่เอง ที่ทำผมได้ค้นพบความสวยงาม อิ้มแย้มอย่างมีความสุข มองเห็นตัวเองในวัยเด็กวิ่งเล่นอยู่ในสวน ทุกตารางนิ้วของสวนมีเรื่องเล่าและอัตลักษณ์ในตัวของมันเอง บอกเล่าสืบต่อจากรุ่นเชื่อมร้อยสือบเนื่องด้วยกาลเวลา

จวบปัจจุบัน ผมเห็นความเติบโตของตัวเองหรทอไม่ คำตอบคือ "ยังไม่แน่ใจ"

กว่าสิบปีมาแล้ว ผมละทิ้งงานประจำอันมั่งคง แล้วกลับหลังหันคือบ้านวัยเยาว์ด้วยสองมือเปล่าอ่อนและบาง เพื่อที่จะพบว่ามันห้อเลือดด่างด้านมในเวลาต่อมา ด้วยการเสี้นมสอนของด้ามพร้าและด้ามจอบ สองเท่าแบบนางเต็มไปด้วยหนามหักในเจ็บระบม

สาบาน! ผมไม่ได้กระแกะเดินตียเปล่าในสวน แต่หนามของต้นแหล มันยาวทะลุรองเท้าทุกชนิดที่มีในตลาดเล็กๆ ใน ชุดชนที่ผมอยู่

แต่นี่คือการเริ่มต้นเดินทาง

และอาชีพหลังของผมในสวนขี้คร้านคือ ทำมาหารับประทานเยี่ยบงคนธรรมดา ทำนาเพื่อกินข้าว ทำสวนเพื่อกินผล ขุดดินเพื่อปลูกผัีก นอกเหนือจากนั้นเป็นกิจกรรมที่แสดงถึงความอยู่รอดประสาสัตร์โลกหน่วนยหนึ่ง เฉกเดียวกัน


คำนำ : เรื่องเล่าจากสวนขี้คร้าน 1 วิถีในนา

ฉันรู้จักเาในนามของ "สายลมลอย" จากการอ่านบล็อกสวนตนขี้คร้าน ของเขาครั้งแรกเรื่องการปลูกข้า

แน่ล่ะ ใครๆ ก็ปลูกข้าวได้ไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไรหรอก ปู่ยา ตายายบรรพบุรุษของเราก็ปลูกข้าว "ก็แค่ปลูกข้ากิน"

แต่แค่ปลูกข้างกินง่ายๆ นี่แหละ เป็นาสิ่งที่ฉันอยากทำยิ่งแต่ทำไม่ได้ และคิดว่าไม่มีโอกาสที่จะทำแล้ว เพราะวิถีดั้งเดิมห่างไปทุกที คำกล่าวที่ว่า "โรงเีรียนทำให้เราทิ้งบ้าน การศึกษาทำให้เราทำอะไรไม่เป็น" นี่เป็นเรื่องจริง

วิถีชีวิตของคนที่ไปเรียรในระบบการศึกษา เมื่อถูกส่งเข้ามาเรียนในเมืองใหญ่ เมืองหลวง แล้วยากที่จะกลับไปอยู่บ้านเก่าโดยฌฉพาะกลับไปใช้ชีวิตแบบปู่ยา ตายาย และดั้งเดิม นั้นถือเป็นความล้มเหลวยิ่ง

สายลมลอยได้ทวนกระแสนั้น เขาทำนาปลูกข้าวแบบแสดงความคิดเห็นสั้นๆ ว่า "ชีวิตนี้ปลูกข้าวได้ ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว"

ฉันคิดเช่นนั้นจริงๆ นะ (ขออนุญาตเล่าเรื่องตัวเองสักนิด) เพราะฉันมีภาพความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับชาวนา ซึ่งคือพ่อและแม่ของฉันนั้นเง พ่อแม่ฉันเป็นชาวนาชาวสวน พ่อไม่เคยกลัวอะไรเลย โดยเฉพาะไม่กลัวว่าลูกจะอด เรามีทุกมื้อ มีผัก มีผลไม้ ทุกคนที่บ้านมีความสุข

เมื่อครั้งวัยเยาว์ ฉันนั่งดูพ่อแม่ลงไปในนา และรอดคอยยามเที่ยงวันที่พ่อแม่หยุดร้อน และขึ้นมากินข้าวบนหนำ เป็นข้าวที่อร่อยที่สุดอยู่ในความทรงจำ เพราะแม้ว่าฉันจะกินข้าวอีกกี่จานกี่มื้อ ก็ไม่มีมื้อไหนอร่อยเท่ากินข้าวในหนำนา

ช่วงฤดูร้อนปี 2550 ฉันกลับไปบ้านใต้ พบนาข้าวถูกเปลี่ยนเป็นสวนยางพารา ตามนโยบายปลูกพืชเชิงเดี่ยวของรัฐบาล เขาว่ารวยกัน

ฉันถามผู้คนที่เอานาปลูกยางว่า "แล้วจะเอาข้าวที่ไหนกินกัน หากว่าที่นาเปลี่ยนไปเป็นอื่นไปหมด เช่น เปลี่ยนเป็นรีสอร์ต บ้านจัดสรร นากุ้ง"

ไม่มีใครตอบฉันสักคนและออกจะทำท่ารำคาญด้วยเพราะ เขากำลังคิดถึงความร่ำรวย

ทุกคนรวยกับหมด แต่ไม่มีข้าวกินจะทำอย่างไร

นี่เพียงเรื่องเดียวของสายลมลอย แต่งานของเขาหาได้แค่นี้ไม่ สิ่งที่ฉันมองเห็นติดตามเขาเหมือนอยู่ในสวนยของเขาด้วยหรือแบกจอบแบกพร้าตามหลังเขาไป

หลังจากนั้นฉันพบว่า ชีวิตธรรมดานั้นยากยิ่งในการดำรงอยู่อย่างศักดฺศรี กว่าจะได้มาซึ่งความหวานของชีวิต เหมือนการทำน้ำตาลมะพร้าว และกว่าจะรู้่ว่าเราไม่ได้เป็นหนึ่ง ไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรคนเดียว แต่มีชีวิตอื่นที่เท่าเทียมกันแลพต้องอยู่ร่วมกัน แม้แต่ตัวต่อตัวเล็ก ๆ ที่ขออยู่กับต้นมะพร้าวด้วย

ด้วยความขอบคุณยิ่ง

แพรจารุ

 


สารบัญ : เรื่องเล่าจากสวนขี้คร้าน 1 วิถีในนา

    • ขึ้นสองค่ำ เดือนแปด ปีระกา
    • เดือนเก้า ปีระกา
    • ธรรมดานก ธรรมดาคน
    • นกในนา
    • ดอกเค คำถาม แลพนกเหยี่ยวที่ว่ายเวิ้งฟ้า
    • สวัสดีฤดูกาล
    • ปรับสายตา จูนหัวใจ
    • ที่ว่าง
    • ริมคันนา
    • มดแบกช้าง
    • ฝนแพ็ง
    • ความยาก
    • จะกดดันกันให้ตายเลยใช่ไหม
    • เรื่องเกี่ยว
    • ถ้อยคำมในทุ่งรวงทอง
    • เรื่องราวในกลิ่นตม
    • อดีตของทุ่งนา อนาคตของทะเล
    • ถ่านกำมือเดียว
    • ชายคนนั้นกับเด็กน้อยคนนี้
    • บางสิ่งหานไป บางสิ่งที่กลับมา
    • สุขในหนึ่งสายตา
    • ปลากัดทุ่งแท้ๆ หายไปแล้ว
    • ขอบคุณโลกและสิ่งเล็ก ๆ
    • คนขุดบ่อดินคนสุดท้ายของหมู่บ้าน
    • นกในรอยคำนึง
    • ลูดปัดของเพื่อน

เนื้อหาปกหลัง : เรื่องเล่าจากสวนขี้คร้าน 1 วิถีในนา

คำกล่าวที่ว่า "โรงเรีบนทำให้เราทิ้งบ้าน การศึกษาทำให้เราทำอะไรไม่เป็น" นี่เรื่องจริง

วิถีชีวิตของคนที่ไปเรีบนในระบบการศึกษาเมื่อถูกส่งเข้ามาเรียนในเมืองใหญ่ เมืองหลวง แล้วยากที่จะกลับไปอยู่บ้านเก่า โดยเฉพาะกลับไปใช้ชีวิตแบบปู่ย่าตายายแบบดั้งเดิ ม นั้นถือเป็นความล้มเหลวยิ่ง

สายลมลอยได้ทวนกระแสนั้น เขาทำนาปลูกข้าวแบบดั้งเดิมโดยหาพันธุ์ข้าวพื้อเมืองมาปลูก

หลังจากอ่านงานเขียนชิ้นแรกของเขาจบลงแล้ว ฉันเขียนแสดงความคิดเห็นสันๆ ว่า "ชีวิตนี้ปลูกข้าวได้ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว"

ฉันคิดเช่นนั้นจริงๆ

แพรจารุ

นักเขียนอิสระ



รีวิวโดยผู้เขียน : เรื่องเล่าจากสวนขี้คร้าน 1 วิถีในนา

ปกติผมเป็นคนที่ค่อนข้างปิดตัวเอง มีโลกส่วยตัวสูงไม่ค่อยแง้มประตูออกไปรับโลกและผู้คนสักเท่าไร อาจเพราะมีพื้นฐานจากความเป็นเด็กบ้านนอกซึ่งรุ่นรวนความขาดพร่อง ข้อเขียนทั้งหมที่ได้ถ่านทดลองไปยังโลกเสมือนเหล่านี้เป็นผลผลิตจากการพูกคุยกับตัวเอง งานเล่มนี้ลุล่วงลงได้เพราะมิตรจิตจากพี่ๆ น้องๆ และเพื่อนสนิทหลายท่าน ทั้งกล้องถ่ายภาพดิจิตอลซึ่งเป็นที่มาของภาพถ่านทอดความคิดเป็นถ้อยคำ ภาพประกอบแทนภาพต้นฉบับบ ซึ่งสุญหานไปกับความบกพร้องของการจัดเก็บเกินสิบปี คำว่าขอบคุณยังนับว่าน้อยเกินไป

เรื่องในเล่มเหมือนเรื่องเล่วสู่กันฟัง ซึ่งผมอยากให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่อยากให้มองเป็นสาคดี ความเรียง หรืออะไรที่เป็นรูปแบบอันชัดเจน ทุกวันนี้ ผมยังใช้ชีวิตธรรมดา มีสุขทุกข์ปะปนบ ยิ่งใช้ชีวิตแบบนี้มากขึ้น กลับพบว่าโลกได้ร่างตำราไว้ให้เรียนรู้มากมายจนใช้เวลาทั้งชีวิตยังไม่สามารถเรียนรู้ได้หมด ตั้งใจว่าเรื่อง "ข้าว" เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ต้องรู้่อนในอันดับแรก ผิดถูกไปบ้าง ใช้ชีธีนอกรีตนนอกรอยไปบ้าง ถือเป็นการทดลองเพื่อเรียนรู้ ชีวิตที่ยังเหลืออยู่ ผมจะค่อยๆ เก็บเกี่บงสิ่งเหล่านั้นมาบอกเล่าสู่กันเท่าที่ร่างกายและสมองยังเอื้ออวย ส่วนจะเป็นเรื่องอะไร อย่างไร ลองติดตามกันต่อไปนะครับ

ด้วยมิตร

สายลมลอย

สวนขี้ร้าน สวี ชุมพร



รีวิวโดยสำนักพิมพ์ : เรื่องเล่าจากสวนขี้คร้าน 1 วิถีในนา

ไม่ใช่เรื่องง่านเลยที่ตังอักษรในสมุดบันทึก่ล็มเล็กๆ จะกลายเป็นเรื่องเล่าที่โลดแล่นอยู่บนโลกโซเซียล มีกลุ่มผู้ติดตามอ่านอย่างเหนี่ยวแน่มากกว่า 13 ปี......

เรากำลังพูดถึงเรื่องเล่าจากสวนขึ้นคร้าน ผลงานของ'สายลมลอย' บล็อกเกอร์หนุ่มที่ทิ้งชีวิตเมืองกรุงกลับสู่ท้องทุ่งเล็ก ๆ ใน อำเภอสวี และใช้ที่นาราวสองไร่ มรดกชิ้นสุดท้ายจากบรรพชนเป็นห้องทดลอง เรียนรู้ และจดบันทึด

ทั้งหมดถูกบรรจุมาในรูปแบบของหนังสือชื่อว่า "วิถีในนาปรัชญาในสวน" หนังสือชุดดูโอที่ไม่ได้นำเสนอแค่องค์ความรู้ทางเกษตรอินทรีย์ หากแต่ยังบันทึดเรื่องราวการะเนจรทางความคิดการเติบโตของจิตวิญญาณชาวนาหนุ่มที่ (บังเอิญ) ถูกกำหนดจากหน้าที่บางอย่างตจยต้องปลีกตัวออกห่างกระแสนิยม สังคมในกรุงเพื่อหลับไปใช้วิถีอยู่ทามกลางทุ่งข้าวสีเขียวอันเป็นเสมือนบ้าหลอมที่เขาซึมลึกไปกับกระแสแก่งคสามรัยทดท้อ ทุกข์ระทวย กระทั่งสุขสุดสนุด

นี่คืออีกหนึ่งการค้นพบแง่งานแห่งชีวิต ที่ไม่ว่าสุข หรือทนทุกข์ ทดท้อ แห้งระแหง ต่างๆ ล้วนมีส่วนทำให้ชีวิตธรรมดา ธรรมดาจัดจ้านไปด้วยสีสัน ติดตรึง กระทั่งเป็นสัจจพ-ปรัชญาที่หาไม่ได้จากที่ไหร

นอกจากในตัวเรา

โพสต์บุ๊กส์

 

รีวิว


0.0
  • 5
    0%
  • 4
    0%
  • 3
    0%
  • 2
    0%
  • 1
    0%
เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว