รายละเอียด : นิทานธรรมะ สุขยกกำลังสิบ

นิทานธรรมะ สุขยกกำลังสิบ  ครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ด้วยกัน ๕ คน คือ พ่อ แม่ ลูกชาย ๑ คน และลูกสาวอีก ๒คน แม้พวกเขาจะมีฐานะพออยู่พอกิน แต่พ่อก็ต้องทำงานหนักทุกวัน โดยมอบหมายให้ภรรยารับผิดชอบงานที่มีอยู่ในบ้าน และคอยดูแลลูกทั้งสามในเรื่องการเรียน

ชายผู้เป็นพ่อมักจะพูดว่างานที่ตนเองทำนั้นช่างเหนื่อยและหนักกว่่างานอย่างอื่น บางครั้งก็พูดว่าภรรยาของตนช่างโชคดีที่ไม่ต้องทำงานหนัก เพราะได้อยู่กับบ้านตลอดเวลา

ฝ่ายภรรยาแม้อยากจะพูดบางสิ่งให้สามีและลูกๆได้รับรู้ว่าการเป็นแม่ของลูก เป็นภรรยาของสามี และต้องเป็นแม่บ้านคอยดูแลทุกอย่างในครอบครัว เป็นงานที่หนักและเหนื่อยเพียงใด ทว่าเธอก็ได้แต่อดกลั้นไว้ไม่กล่าวสิ่งใดเป็นการโต้ตอบ ส่วนลูกทั้งสาม หลังเลิกจากเรียนหนังสือแล้วเมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็มักจะเรียกร้องให้แม่ทำสิ่งต่างๆให้ โดยอ้างว่าพวกตนเรียนหนังสือช่างเหนื่อยเหลือเกิน บางครั้งก็ชอบพูดถึงการที่แม่อยู่บ้านคงสบายกว่าพวกตน ไม่ว่าจะถูกสามีหรือลูกๆพูดจากระทบใจอย่างไร หญิงผู้เป็นแม่ก็มักจะยิ้มรับเสมอ แม้บางครั้งจะรู้สึกไม่พอใจต่อคำกล่าวที่สามีและลูกๆพูดออกมา เธอก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆพร้อมกับแสดงอาการสงบนิ่งแทนการตอบโต้

สิ่งหนึ่งที่หญิงผู้เป็นแม่ของลูกๆ จะปฎิบัติอยู่เป็นประจำก็คือ ทุกครั้งที่สามีและลูกรับประทานอาหาร เธอจะคอยดูแลด้วยความเอาใจใส่ และมักจะรับประทานอาหารทีหลังเสมอซึ่งส่วนมากเป็นอาหารเหลือจากที่ทุกคนในครอบครัวได้ตักส่วนที่ดีที่สุดไปหมดแล้ว

บางครั้งเธอก็ให้ทุกคนรับประทานก่อน โดยเธอเฝ้าคอยดูแลใกล้ๆ เมื่อทุกคนอิ่มแล้ว จึงลงมือรับประทานอาหารที่เหลืออยู่เหล่านั้น จนสามีและลูกๆ คิดว่าแม่ของลูกและภรรยาของตนชอบรับประทานอาหารที่เหลือมากกว่าอาหารใหม่ๆที่เพิ่งปรุงเสร็จ

สารบัญ : นิทานธรรมะ สุขยกกำลังสิบ

ภาค ๑  เปลี่ยนใจที่เคยหวั่น

• สายใยรัก ที่ถักทอด้วยความเข้าใจ
• หนักเพื่อเบา
• อย่าหมิ่นคำว่าเล็กน้อย
• อยู่ที่ว่ามองให้เห็นเป็นเช่นไร
• เปลี่ยนใจที่หวั่นให้มีความหวัง
• เรียนรู้ด้วยใจที่เปิดกว้าง
• เป็นตัวของตัวเองให้เป็นเลิศ

ภาค ๒ เพราะเข้าถึงจึงเข้าใจ

• เส้นผมบังภูเขา ความไม่รู้จักพอบังใจ
• ก้าวผ่านความกลัว ด้วยก้าวแห่งความกล้า
• ขอบคุณที่ไม่ทำร้ายกัน
• ค้นหาคุณค่าจากสิ่งที่มีอยู่
• มิใช่มีแต่เรา
• มองด้วยใจที่กว้างกว่า
• เพราะเข้าถึง จึงเข้าใจ

ภาค ๓ ความงดงามปรากฎกาย

• น้อยค่า แต่ไม่ด้อยคุณ
• เดินช้าเพื่อก้าวเร็ว
• เรือนพักที่รอวันเราโต
• พร่องเพื่อเต็ม
• อ่อนน้อมข้างนอก แข็งแกร่งภายใน
• เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน
• ต่ำสุดเพื่อสูงสุด
• บทส่งท้าย ๑๐ ปี ชุติปัญโญ   

เนื้อหาปกหลัง : นิทานธรรมะ สุขยกกำลังสิบ

ชีวิตของคนเรา หากเพียงแค่ใช้ดวงตามองออกไป แล้วใช้ความรู้สึกเป็นตัวตัดสินอาจได้แค่คำตอบที่ผิวเผินเกินกว่าจะเข้าถึงแก่นแห่งความจริงนั้นๆ เพราะสายตาของเราสั้น มองเห็นแค่สิ่งที่อยู่ใกล้ จึงทำให้ปัญญาเดินออกไปไกลจากใจเรา

แต่เมื่อใดที่เรารู้จักใช้ดวงตามอง แล้วใช้สติปัญญาทบทวนอย่างผู้รู้จักพิจารณา สิ่งที่เห็นและความเข้าใจที่ถูกกลั่นกรอง ย่อมช่วยทำให้เราได้มองทุกเรื่อง อย่างคนที่พร้อมจะหยิบสิ่งที่มีคุณค่ามาเปิดเผย เป็นการกลั่นกรองที่มาจากใจ ที่พร้อมจะยอมรับได้เมื่อมีเรื่องร้ายให้เราต้องเผชิญ และพร้อมจะยิ้มรับเมื่อมีเรื่องดีๆมาช่วยกล่าวอ้างในประวัติศาสตร์แห่งคุณค่าที่ควรจดจำ ทุกอย่างจึงนำไปสู่คำตอบที่ให้เราต้องเฝ้าทบทวนอยู่เนืองๆว่า

เมื่อใจดี..เราจะได้กำไรจากทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เมื่อใจเราร้าย..ทุกสิ่งที่ผุดขึ้น ก็จะส่งผลเป็นลบเสมอ ทุกเรื่องจะดีหรือร้าย..จึงอยู่ที่ว่าเรามีวิธีเรียนรู้เรื่องนั้นอย่างไร 

รีวิวโดยผู้เขียน : นิทานธรรมะ สุขยกกำลังสิบ

หากรู้จักมองชีวิตแล้วทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละขณะเราจะเห็นได้ว่าทุกสิ่งล้วนซ่อนความหมายให้เราได้รู้ เพื่อค้นคว้าที่จะเข้าใจในคุณค่าของสิ่งนั้นๆเสมอ

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้ายที่หลายคนอยากจะเบือนหน้าหนี เมื่อได้ประสบ หรือเรื่องที่เราชอบใจจนอยากกอดแนบสนิทไว้กับตัวเองตลอดเวลา หากเรามองเห็นทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นล้วนมีคุณทีี่่ช่วยส่งเสริมค่าของชีวิตให้สูงขึ้นอยู่ในตัวของมันเอง ในขณะเดียวกันก็ผลักไสชีวิติของเราให้ตกต่ำลงได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้อะไรมอง และใช้อะไรมาวัดคุณค่าของสิ่งๆนั้น

มีเด็กชายสองคนเป็นพี่น้องกัน คนโตอายุ๙ปี ส่วนคนเล็กอายุ ๔ ปี เมื่อโตมา สิ่งที่มีความแตกต่างกันขึ้นเรื่อยๆจากการเลี้ยงดูก็คือ พ่อแม่ไม่ค่อยใส่ใจลูกคนพี่มากนัก เพราะทุ่มเทเวลาให้กับลูกคนเล็กแทน ลูกชายคนโตรู้สึกน้อยใจที่พ่อแม่ใส่ใจน้องมากกว่าตน ซึ่งชายหญิงผู้เป็นพ่อแม่ ก็พอจะรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกชายคนโต แต่ทั้งสองก็ไม่ได้อธิบายเหตุผลว่าเพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น  อยู่มาวันหนึ่ง ลูกทั้งสองเล่นกันอยู่หน้าบ้านขณะที่พ่อแม่กำลังทำงาน  เสียงลูกชายคนเล็กก็ดังขึ้น จึงรีบวิ่งมาดู ภาพที่ทั้งสองเห็นคือ ลูกชายคนโตกำลังใช้มือทุบที่หลังของน้องชาย แล้วกอดตัวเหวี่ยงไปมา ทั้งสองรีบแยกทั้งคู่ออกจากกันทันที พ่อใช้ฝ่ามือตีไปที่หลังของลูกคนโตโดยไม่ถามไถ่ พร้อมตำหนิว่า"ทำไมต้องทำร้ายน้องด้วย" เสียงร้องไห้ของลูกชายคนโตก็ดังขึ้นพร้อมพูดว่า"ผมใช้มือทุบหลังของน้อง เพราะขนมติดที่คอของเขา น้องหายใจไม่ออก ผมไม่รู้จะช่วยน้องอย่างไรดี จึงใช้มือทุบที่หลังแล้วเหวี่ยงไปมา "เมื่อคำชี้แจงสิ้นสุดลง พ่ิแม่ถึงกับหน้าเสีย รู้สึกผิด พร้อมสวมกอดลูกชายคนโตและกล่าวคำขอโทษ ทุกเรื่องจะดีหรือร้าย จึงอยู่ที่เรามีวิธีเรียนรู้เรื่องนั้นอย่างไร

ด้วยความปรารถนาให้ทุกคนมีความสุขอย่างแท้จริง

ชุติปัญโญ

รีวิวโดยสำนักพิมพ์ : นิทานธรรมะ สุขยกกำลังสิบ

มีคนเคยกล่าวไว้ว่า สุขหรือทุกข์ที่เกิดขึ้น มีสองสาเหตุใหญ่ๆด้วยกัน

๑. คือสิ่งภายนอกที่เข้ามากระทบ

๒. ก็"ใจ"ของเรานี่แหละ

วึ่งสำหรับปัจจัยภายนอกเป็นสิ่งที่เราไม่อาจไปกำหนดหรือควบคุมมันได้ แต่สิ่งที่เราสามารถดูแลและจัดการได้ก็คือ"ใจของตัวเอง"ที่หากได้รับการฝึกฝนไม่ให้หวั่นไหวกับแรงกระทบของสิ่งรุกเร้า แม้แต่ปัญหาหนักๆ เราก็จะสามารถ ผ่านพ้นมันไปได้ อีกทั้งยังได้ประสบการณ์ที่ทำให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพราะ"ใจที่ดี ย่อมมีแต่เสีย" ฉะนั้นแล้ว วิธีคิด ทัศนคติที่เรามีต่อชีวิตจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เป็นเหมือนสมการของความสุขและทุกข์ ด้วยหากมี"ใจร้าย"ผลที่ตามมาย่อมเท่ากับ"ร้าย" หรือ "เสีย" แต่ถ้ามี"ใจที่ดี" เป็นพื้นฐา ผลที่ตามมาก็เท่ากับ"ดี" หรือ"ได้" เมื่อมีใจที่ดีแล้ว เราก็มักจะมีพลังเผื่อแผ่ความสุขให้คนรอบข้าง กลายเป็น ความสุขยกกำลังสิบ ได้ไม่ยาก

"นิทานธรรมะ สุขยกกำลังสิบ" ผลงานล่าสุดของท่านชุติปัญโญ นอกจากจะให้ข้อคิดถึงแนวทางจัดการใจอย่างไรให้เป็นสุขแล้ว ยังมีความพิเศษตรงที่เป็นหนังสือที่จัดทำขึ้นเนื่องในโอกาสครบ๑0ปี ที่ท่านชุติปัญโญได้สร้างสรรค์ผลงานออกมามากมาย ซึ่งแต่ละเล่มก็ได้รับการต้อนรับจากผู้อ่านอย่างอบอุ่น หนังสือเล่มนี้จึงเปรียบเสมือนของขวัญแทนคำขอบคุณจากท่านชุติปัญโญและสำนักพิมพ์ผลิบาน ที่ต้องการให้ความสุขยกกำลังสิบ เกิดขึ้นกับผู้อ่าน...ตลอดไป