รายละเอียด : ปริศนามาเลศ คดีที่ 5 ตอน คีตสังหาร
เช้าวันรุ่งขึ้น นายปลุกผมให้ตื่นนอนขึ้นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ผมบิดขี้เกียจ แล้วซุกตัวกลับไปในผ้าหม่ แหม อากาศกำลังสบายแบบนี้ ใครกันจะอยากตื่นนอนล่ะ ขอนอนต่ออีกห้านาทีนะครับเจ้านาย
"มาเลศ ตื่นได้แล้ว" นายดุรงค์แกล้งเอานิ้วมาจิ้มๆ ที่พุงกะทิของผม แต่ไม่ได้ผลหรอกครับ ผมรู้มุกของนายเสียแล้ว "ตื่นๆ ไปเที่ยวกันดีกว่า" นายรู้ดีว่านอกจากอาหาร มีอีกหนึ่งคำที่สามารถปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาทำตาโตได้ นั่นก็คือคำว่า ไปเที่ยว
นายหันไปถอดเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ โชว์กล้ามหน้าท้องเป็นลอนสวยงาม ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป นายอุตส่าห์ชะโงกมาเขี่ยผมที่หมกตัวอยู่ในโปงผ้าห่มอีกหนึ่งหน พร้อมกับย้ำว่า "เราจะไปหัวหินนะวันนี้"
หัวหิน ผมลุกพรวดขึ้นทันที จริงสิวันนี้วันเสาร์ เราจะไปเที่ยวเทศกาลดนตรีแจซกันนี่นา ความที่มุดหนีเข้าไปในผ้าห่มจนลึก ผมเลยหาทางออกไม่ได้ หนำซ้ำเจ้านายยังแกล้งด้วยการโยนหมอนทับบนตัวผมอีกด้วย ผมก็เลยดิ้นขลุกขลัก ร้องแมวๆ อยู่ในโปง กว่าจะโผล่ออกมาได้อีกที่ นายก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จพอดี
พอเราออกจากห้องไป ก็พบว่ายายเอกอรและแม่ถุงเงินตัวแสบมานั่งรอกันหน้าสลอนแล้ว สังสัยใช่ไหมครับว่าหนึ่งคนกับหนึ่งพูเดิลเข้ามาในห้องได่อย่างไร ก็เมื่อวานนี้นายเพิ่งให้กุญแจสำรองกับคุณเอกอรไปชุดหนึ่ง เพราะเธออ้างว่าคุณอุรวดี มารดาของเธอ ผู้มีศักดิ์เป็นอาของเจ้านาย สั่งเอาไว้ให้ขอกุญแจสำรองหนึ่งชุด เผื่อว่าเวลาที่นายไม่อยู่คอนโดฯ นานๆ ยายแอ้จะได้เข้ามาดูแลทำความสะอาดให้ได้โดยสะดวก นายของผมจึงจำต้องให้กุญแจกับยายแอ้ไปทั้งที่ไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไร
ด้วยเหตุผลดังกล่าว เช้าวันนี้ยายเอกอรกับแม่ถุงเงิน จึงสามารถสะเดาะกลอนประตูคอนโดฯ แล้วเข้ามานั่งเป๋อเหลอในห้องนายได้โดยไม่ต้องใช้เวทมนตร์เหมือนกับที่ขุนแผนชอบทำ วันนี่สองนายบ่าว คนกับน้องหมาแต่งตัวสีสันแสบตา คุณเอกอรนุ่งกางเกงขาสั้นสีแดงลายจุดสีขาว สวมเสื้อยืดแขนกุดสีชมพูสด บนศีรษะมีแว่นกันแดดอันใหญ่ ริมฝีปากอวบอิ่มทาสีแดงแช้ดอย่างกับกินเลือดใครมา เอกอรยังสะพานกระเป๋าพราด้าใบโต ดูแล้วเหมือนกับนักศึกษาสาว กระชากวัยสุดๆ
เนื้อหาปกหลัง : ปริศนามาเลศ คดีที่ 5 ตอน คีตสังหาร
ผมก็แค่เป็นแมวธรรมดาๆ ที่ชอบฟังเพลงเหมือนอย่างแมวทั่วๆ ไปเท่านั้น อาจจะพิเศษสักหน่อย เพราะผมชอบเพลงแจซ แต่ผมไม่เคยคิดเลยว่า การติดตามคุณหมอดุรงค์ไปเทศกาลดนตรีแจซที่หัวหิน จะกลับกลายเป็นเทศกาลแห่งความโกลาหล เมื่อแขกคนสำคัญของงานถูกสังหารและทิ้งศพ เอาไว้ที่หน้าบ้านของคนทรงเจ้าชื่อดัง ไม่อยากเกี่ยวข้องแต่จะทำอย่างไรได้ เพราถ้าไม่แปลงร่าง เป็นแมวนักสืบช่วยไขคดีละก็ ศพต่อไปอาจจะเป็นเจ้านายของผมเองนะสิครับ
รีวิวโดยผู้เขียน : ปริศนามาเลศ คดีที่ 5 ตอน คีตสังหาร
คดีที่ 5 ของปริศนามาเลศ เป็นคดีหนึ่งที่ผม ในฐานะคนเขียนชอบมาก ด้วยเป็นคดีที่มีประเด็นน่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องราวที่เป็นดั่งภาพสะท้อนความเป็นไปในสังคมปัจจุบันที่นักข่าวนิยมขุดคุ้ย สืบหาเรื่องราวส่วนตัวของศิลปินมาตีแผ่ สนใจแต่จะขายข่าวโดยไม่คำนึงว่าจะสร้างความเสียหายให้แก่ผู้ใดบ้าง หากทั้งหมดนี้จะโทษนักข่าวเพียงฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูก หารจะมีใครเป็นคนผิดสักคน ผมมองว่าคงไม่พ้นประชาชนอย่างเราๆ ท่านๆ ที่อยากรู้อยากเห็นเรื่องของผู้อื่นมากกว่า หากไม่มีผู้ซื้อก็คงไม่มีผู้ขาย หากไม่มีผู้คนที่อยากรู้อยากเห็น ก็คงไม่มีนักข่าวจอมขุดคุ้ยฉันใดก็ฉันนั้น
คีตสังหารลงตีพิมพ์ในนิตยสารหญิงไทยช่วงต้นปี พ.ศ.2552 และพิมพ์รวมเล่มในช่วงเดือนท้ายๆ ของปีเดียวกัน นับเป็นนวนิยายที่แปลกประหลาดเอาการอยู่ เนื่องจากเป็นคดีที่ 5 ในชุด แต่รวมเล่มออกมาก่อนคดีที่ 4 ทั้งนี้เป็นเพราะการวางแผมการเขียนของผมมีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย หากนั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใด ด้วยคดีทั้งหมดในปริศนามาเลศนั้นอ่านตอนใดก่อนหรือหลังก็สามารถทำได้
ในคดีนี้ มาเลศจะชวนเราไปเที่ยวเทศกาลดนตรีที่หัวหินกัน ครับ จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาที่นั่นบ้าง ต้องมาติดตามไปพร้อมๆ กันเลยนะครับ
รีวิวโดยสำนักพิมพ์ : ปริศนามาเลศ คดีที่ 5 ตอน คีตสังหาร
อะไรเอ่ย? ร้องเรียกเหมียวๆ เดี๋ยวก็มา! และแล้วมาเลศ ถุงเงิน และเหล่ามนุษย์ทาสแมว ก็ร่วมผจญภัยกันมาถึงเล่มที่ 5 ของซีรี่ส์ปริศนามาเลศกันแล้ว หลังจาก 4 คดีที่ผ่านมาคงพิสูจน์แน่ชัดแล้วว่า ไม่คนใดก็คนหนึ่งในกลุ่มมนุษย์และเจ้าสี่ขาเหล่านี้ ช่างมีดวงสมพงษ์กับการฆาตกรรมเสียเหลือเกิน เพราะไปที่ไหนก็มีแต่คนตายให้ได้แสดงผีมือสืบคดีกันทั้งคนทั้งเจ้าเหมียว
ในคดีที่ 5 "คีตสังหาร" นี้ เป็นคราวที่คุณเอกอรชวนทุกคนไปฟังเทศกาลดนตรีแจซที่หัวหิน แน่นอนนอกจากดนตรีแจซเพราะๆ กุ้งเผาตัวโตๆ และปลาหมึกย่างหอมฉุยแล้ว ก็ต้องมีคนตายด้วย!
ว่าแต่ใครกันล่ะที่ตาย จะตายเองหรือถูกฆาตกรรม แล้วใครในกลุ่มของมาเลศที่จะต้องเข้าไปพัวพันกับการตายครั้งนี้ ตามไปลุ้มกันต่อได้เลย