รายละเอียด : อังกฤษ จักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน
อังกฤษ หรือสหราชอาณาจักร คือ อดีตมหาอำนาจอันยิ่งใหญ่ซึ่งเคยเป็นเจ้าอาณานิคมที่ปกครองดินแดนในทวีปอเมริกาเหนือ แอฟริกา และเอเชียในหลากหลายพื้นที่ จนเป็นที่ขนานนามว่าเป็นจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน เพราะไม่ว่าดวงอาทิตย์จะส่องแสงไปที่ใดจะมีดินแดนของจักรวรรดิอยู่ที่นั่น!
เหตุใดจักรวรรดิอังกฤษจึงยังผงาดขึ้นมาแม้ต้องสู้กับคู่แข่งโหดหินในยุโรป และเหตุใดประเทศกว้างใหญ้ไพศาลนั้นจึงเหลือเพียงเกาะเท่าที่เห็นในปัจจุบันหนังสือเล่มนี้จะตอบคุณได้
สารบัญ : อังกฤษ จักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน
อังกฤษยุคเริ่มต้น
สมัยกลาง ระบอบศักดินาสวามิภักดิ์
จักรวรรดิอังกฤษ
"จักรวรรดิอังกฤษที่สอง" (ค.ศ.1783-1815)
อังกฤษหรือบริเตนใหญ่ ค.ศ.1918-1939
บทสรุปของการปิดฉากจักรวรรดิ
รีวิวโดยผู้เขียน : อังกฤษ จักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน
"อังกฤษ" หรือ ประเทศสหราอาณาจักร คืออดีตมหาอำนาจของโลกผู้ยิ่งใหญ่ ศตวรรษที่ 18 อังกฤษเป็นที่ขนานนามว่าเป็นอาณาจักรหรือจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน เพราะในช่วงเวลานั้น นอกเหนือจากอาณาเขตการปกครองบนเกาะอังกฤษในทวีปยุโรปแล้ว อังกฤษยังเป็นเจ้าอาณานิคมเจ้าโลกที่ปกครองทวีปอเมริกาเหนือแอฟริกา และเอเชียในหลากหลายพื้นที่อีกด้วย
แท้จริงประวัติศาสตร์ของอังกฤษ ก็พัฒนาไม่แตกต่างจากชาติอื่นๆ ในยุโรปด้วยเช่นกัน นั้นคือ เริ่มต้นจากชนท้องถิ่นคือชาวเคลท์หรือเซลติกในเวลาต่อมาก็ถูกโรมันเข้าครอบครองและปกครอง กระทั่งโรมันล่มสลายอังกฤษก็ต้องผ่านห้วงแห่งการแย่งชิงดินแดนของชนชาวเยอรมานิกกลุ่มต่างๆ
ในสมัยกลาง อังกฤษถูกถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรแฟรงค์ ภายใต้ระบอบศักดินาสวามิภักดิ์ ราชอาณาจักรแฟรงค์ที่ในเวลาต่อมากลายเป็นประเทศฝรั่งเศสถือว่าอังกฤษเป็นเพียงรัฐในอาณาเขตศักดินาของตนเอง แต่ด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่แยกออกไปเป็นเกาะของอังกฤษทำให้ในยามที่ราชอาณาจักรฝรั่งเศสอ่อนแอ อังกฤษก็พยายามแยกตัวเป็นอิสระอยู่เสมอ
อัีงกฤษผ่านห้วงแห่งการต่อสู้และความเปลี่ยนแปลงมายาวนาน กระทั่งในที่สุดภายใต้ราชวงค์ที่ขึ้นปกครองหลายราชวงศ์ในศตวรรษที่ 17-19 อังกฤษก็พัฒนาอำนาจของตนเองจนกลายเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ของโลกได้สำเร็จ
หนังสือเล่มนี้พยามยามบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของอังกฤษสมัยจักรวรรดิให้รอบด้าน ผ่านมุมมองของการพัฒนาทางการเมืองการปกครองบรรดาองค์มหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย กระทั่งถึงวันที่อังกฤษกลายเป็นมหาอำนาจของโลกและวันที่อำนาจหรือแสงสว่างแห่งความยิ่งใหญ่นั้นค่อยลดลงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
เรื่องราวที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ถือว่าครอบคลุมและรอบด้านกระนั้นก็ย่อมมีข้อบกพร่องอยู่บ้างซึ่งผู้เขียนหวังว่าจะได้แก้ไขในโอกาสต่อๆ ไป
ขอขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามกันเสมอมา
ด้วยจิตคารวะ
ปัญญา วิวัฒนานันท์
รีวิวโดยสำนักพิมพ์ : อังกฤษ จักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน
เชื่อว่าทุกคนน่าจะเติบโตมา หรืออย่างน้อยก็คุ้นหูคุ้นตา กับนิทานเรื่องหนึ่ง ที่มีตัวเอกเป็นเด็กน้อยดึงดาบศักดิ์สิทธิ์ออกจากก้อนหิน รวบรวมพรรคพวกออกผจญภัย และเป็นที่รู้จักภายหลังในนามกษัตริย์อาเธอร์ และเหล่าอัศวินโต๊ะกลม หรือคอหนังผจญภัยก็คงเคยได้ดูเรื่องอินเดียนน่า โจนส์ ภาคสาม ซึ่งออกตหาจอกศักดิ์สิทธิ์เพื่อไม่ให้ตกอยู่ในมือนาซี คอนิยายสืบสวนก็ต้องรู้จักนักสืบชื่อก้องอย่างเชอร์ล็อค โฮมส์ และหมอวัตสัน นอกจากนี้ยังมีอะไรอื่นอีกมาก...อาจเพราะใกล้เกินไป หรือเพราะชินตา เราจึงลิมไปว่าสิ่งเหล่านั้นมีจุดร่วมกันคือมีตันธารมาจากเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งในยุโรปนั้นคือ "ประเทศอังกฤษ" หรือ "สหราอาณาจักร"
ปัจจุบันเรื่องราวของกษัตริย์อาเธอร์ ยังคงมีคนกลับมาทำซ้ำเป็นเกม เป็นนิยาย โรงงานอุตสาหกรรมในบ้านเราก็เป็นผลมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมในอังกฤษ แม้แต่พระนามกษัตริย์อังกฤษก็มีคนจดจำได้พอๆ กับนามกษัตริย์ไทย
ทำไมเกาะเล็กๆ เพียงเท่านั้นจึงข้ามมามีอิทธิพลกับประเทศที่ห่างไกลกันขนาดนี้ได้
เราอาจลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ อังกฤษเป็นชาติมหาอำนาจที่คับเคี่ยวกับฝรั่งเศสได้อย่างสูสิในการแข่งขันล่าอาณานิคมและการค้า จนครั้งถูกกล่าวขานว่า "The empire on which the sun never sets" หรือ "จักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน" ด้วยเพราะมีอาณานิคมแผ่ไพศาลไปทั่ว จนไม่ว่าพระอาทิตย์ส่องแสงมายังส่วนไหนของโลกก็จะมีอาณานิคมของอังกฤษอยู่ที่นั่น!
เหตุใดอาณาจักรจากเกาะเล็กๆ จึงก่อสร้างตัวจนกลายเป็นมหาอำนาจที่มีอิทธิพลไปทั่วโลกได้ และเหตุใดอาณาจักรที่เกรียงไกรขนาดนี้ปัจจุบันจึงเหลือเพียงเกาะเล็กๆ
เชื่อว่าหนังสือเล่มนี้จะตอบคุณได้
ยิปซี สำนักพิมพ์