รายละเอียด : ลูกนกจากคอน
ลูกนกจากคอน
เช้าตรู่วันใหม่ แสงเงินแสงทองไม่ทันฉาบทาเส้นขอบฟ้า แม่ ร้องปลุกเด็กชายสองคนให้เด็ดใบพลูกำลังงามไปขาย จ้อยตื่นตาคลายความงัวเงีย ขณะจิ๋วตื่นเต้นจนโดดผลุงจากที่นอนไปยังแม่แทบจะทันใด "ผมจะได้เงินไว้ใช้วันว่าง ใช่ไหมแม่ " จิ๋วพูด ช่วงนี้ใครๆก็นึกถึงวันสงกรานต์ " เออ ขายให้ได้ก่อนเถอะเอ็ง" แม่ว่า
จ้อยเดินมาสมทบแม่กับจิ๋วที่ค้างพลู ข้างบ้าน แม่สอนวิธีทำกำพลูให้ลูกๆ คว่ำใบใหญ่สุดวางไว้เป็นฐาน ก่อนนำใบขนาดรองลงมาซ้อนทับให้เรียงเหลื่อมกันจนครบสิบใบ แล้วพับเข้าหากันเรียกว่า หนึ่งแบะ ได้สี่แบะแล้วมัดกันด้วยหญ้าคาเรียกว่า หนึ่งกำ
แม่ทำปุปปับฉับไว ครั้นเด็กชายทั้งสองทำบ้างก็พบว่าไม่ง่ายเช่นนั้น " ของไอ้จ้อยกำสวยดี ของไอ้จิ๋วขี้เหร่" แม่พูด จ้อยยิ้ม ชำเลืองไปดูกำพลูของจิ๋ว "แต่ผมได้กำเยอะกว่าแน่ะแม่" จิ๋วพูด "คอยแลกันเถอะว่าใครจะขายได้มากกว่ากัน"
เมื่อเสร็จแล้ว สามคนแม่ลูกเดินออกจากบ้านป่าไปตามทางเล็กๆข้ามลำธารผ่านป่าเบญจพรรณ พักใหญ่ก็ถึงชุมชนหน้าโรงเรียน แม่ชี้ทิศทางบ้านเรือนผู้คนให้ลูกชายทั้งสองเดินเร่ขายใบพลู ส่วนแม่นั้นโดยสารรถเดินทางต่อไปยังตลาดในอำเภอ
เด็กชายทั้งคู่ทูลถาดใบพลูเดินตามกันไป จิ๋วตัวโตกว่านำหน้าด้วยอารมณ์ลิงโลด ขณะที่จ้อยรู้สึกหนัก มิใช่ด้วยสินค้า...แต่ด้วยความกระดาก แม่กลับจากตลาดในอำเภอมาถึงบ้านตอนโพล้เพล้ เห็นหน้าจ้อยก็ถามว่า "เมื่อเช้าขายใบพลูได้ไหม" ไม่ทันตอบจิ๋วก็ส่งเสียงลั่นมาจากหลังบ้าน "ผมขายได้หมดเลยแม่ แปปเดียวเกลี้ยง" จิ๋วพูด
"ส่วนพี่จ้อย ถ้าผมไม่ช่วยก็ขายไม่ได้สักกำ" "อ้าว!กำขี้เหร่ขายดี กำสวยกลับขายไม่ออก" แม่สงสัย "ไหนเล่าซิ ขายกันแบบไหน"
"ผมก็เดินไปร้องไปอย่างแม่สอน...น้าครับ ป้าครับ มีพลูใบสวยๆกำงามๆมาขายถึงหน้าบ้าน ช่วยซื้อเป็นทุนการศึกษาเด็กๆหน่อยครับ" แม่ยิ้มพอใจร้องว่า " เออ ดี " ขณะที่จ้อยเริ่มก้มหน้างุด ส่วนจิ๋วยังรายงาานแม่ต่อไปด้วยเสียงดังฟังชัด
"พี่จ้อยมัวแต่อาย ทูนหัวไปเวียนหน้าบ้านเขาจนหมาเห่าแล้วเห่าอีกก็ไม่พูด เขาถามว่าขายอะไรก็ไม่หาญแหลง สักคำ" "ก็ยังขายได้บ้างละน่า" จ้อยโต้จิ๋วที่ว่าเขาไม่กล้าพูด
แม่หันมาพูดกับจ้อย" จะอายอะไรกับการทำมาหากิน เป็นพ่อค้าแม่ค้ามันต้องส่งเสียงร้องเรียกลูกค้าสิ ไม่เช่นนั้นจะขายได้อย่างไร"
จ้อยถอนใจเพราะสิ่งที่แม่บอกพอๆกับจิ๋ว แต่ความฉะฉานมั่นใจเขาไม่มีเลย หลายคนซื้อใบพลูจากจิ๋วไปแล้ว แต่เมื่อเขาเห็นจ้อยทูนถาดมาอีกก็พากันพูดว่า " ดูสิ คนพี่ขายหมดแล้วเหลือแต่คนน้องยังเต็มถาดอยู่เลย ถ้าไม่ช่วยซื้อสงสัยต้องร้องไห้แน่ๆ"
ตอนนั้นจ้อยเกือบจะร้องไห้จริงๆ ใบพลูก็ขายไม่ได้ แถมใครๆก็คิดว่าเขาเป็นน้องของจิ๋ว ทั้งที่ความจริงเป็นตรงกันข้าม ยังดีจิ๋วไม่สาธยายให้แม่ฟังถึงเรื่องนี้
คำนำ : ลูกนกจากคอน
ลูกนกจากคอน
ในฐานะนักเขียน ผมชื่นชอบการเขียนเรื่องราววัยเยาว์จนมีผลงานออกมาแล้วหลายเล่ม รู้สึกสนุกและได้ดื่มด่ำความสุขทุกครั้งที่ได้เขียนคงเพราะตอนเขียนได้หมกหม่นวนเวียนกับความหลังที่มองย้อนไปจนเห็นภาพอันกระจ่าง น่าสงสัยว่าความทุกข์ใหญ่โตของวัยเด็กได้กลับกลายเป็นเรื่องน่าขันและแสนสุขไปได้อย่างไรในปัจจุบัน บางทีผมคิดว่าถ้าอยากมีความสุขมากเช่นนี้ ผู้ใหญ่อย่างเราน่าจะทำปัจจุบันให้เป็นเช่นวัยเด็กเสียบ้าง-หรือให้ดีก็บ่อยๆ! ชีวิตจะงดงามและมีความสุขโดยไมต้องดิ้นรนทำอะไรยากๆ หรือพยายามเป็นใครอื่นสักคน
สารบัญ : ลูกนกจากคอน
เนื้อหาปกหลัง : ลูกนกจากคอน
ลูกนกจากคอน
จบป.6แล้ว เด็กชายหัวดีลังเลจะจากบ้านไปเรียนต่อในเมือง ครูๆและผู้ใหญ่เสียดาย ตำหนิที่เขาตัดอนาคตตัวเอง เขารับจ้างกรีดยาง พยายามทำมาหากินเช่นผู้ใหญ่ แต่เด็กชายจะเติบโตขึ้นได้อย่างไรกัน หากเขาไม่รู้จักตัวเอง
รีวิวโดยผู้เขียน : ลูกนกจากคอน
ลูกนกจากคอน
โดยสาระสำคัญแล้ว ผมเชื่อเสมอว่าการเขียน การอ่าน คือการให้และรับ คือการแลกเปลี่ยน การเขียนแท้จริงแล้วก็คือการให้ ทุกการให้มีความดีงามในตัวเอง ดังนั้นแล้ว งานเขียนที่ดีก็คือการให้สิ่งที่ดีแก่ผู้อ่าน งานเขียนที่งดงามคือการมอบสิ่งที่งดงามแก่ผู้อ่าน งานเขียนที่ยิ่งใหญ่คือการมอบเรื่องราวที่ส่งความหมายอันมีคุณค่าต่อชีวิตของผู้คนในสังคม ผมเขียนลูกนกจากคอน เป็นตอนต่อมาของ ลูกยางกลางห้วย แต่ทั้งสองตอนแยกอ่านได้และจบบริบรูณ์ในตัวมันเอง และหวังว่าคุณผู้อ่านทุกคนจะมีความสุขกับการอ่าน รวมทั้งถ่ายทอดแบ่งปันความสุขให้แก่คนรอบข้างบ้าง
รีวิวโดยสำนักพิมพ์ : ลูกนกจากคอน
ลูกนกจากคอน
ลูกนกจากคอน สะท้อนภาพการเติบโตอีกขั้นของเด็กน้อยบ้านป่าที่ตัดสินใจมุ่งหน้าค้นหาทางเดินชีวิตของตนเองด้วยการลองผิดลองถูก แต่จะทำเช่นไร เมื่อหนทางนั้นยากลำบากกว่าที่คิด และที่สำคัญ แม้แต่ตัวเขาก็ไม่แน่ใจว่า มันใช่หนทางที่หวังหรือไม่กันแน่