รายละเอียด : กลรัตติกาล
กลรัตติกาล
ลมพัดแผ่วเบา ละเลียดขาวเนียนดุจแพรสีขาว หากมองในยามค่ำคืนอันไร้แสงสว่างเช่นนี้ ช่างเป็นจุดเด่นยิ่งกว่าแสงไฟหรือหิ่งห้อยตัวใด
ผมยาวสลวยเกือบถึงกลางหลังของหญิงสาวปลิวตามแรงลม ส่งผลให้เห็นใบหน้าสวยทว่าเรียบเฉยชัดขึ้น เธอหยุดยืนตรงเหมือนหุ่นอยู่ใกล้หนองน้ำ ริมถนนที่เพิ่งขับรถผ่านเมื่อไม่กี่นาทีก่อน เป็นเพราะบางสิ่งขัดขวางไม่ให้เธอไปต่อพยายามบอกให้หยุดรถ จนเธอพ่ายแพ้ต้องจอด แล้วเดินตามเขามาถึงที่นี่
ดวงตากลมสวยทอดมองร่างซึ่งลอยขึ้นมาบนผิวน้ำด้วยความชาชิน เฉกเช่นเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ความจริงคือพยายามจะชิน "ก็แค่ศพ" เธอคิดเช่นนั้น สิ่งที่อยู่ตรงหน้าต่างหากที่ดูน่ากลัวกว่าร่างไร้ชีวิตร่างนั้น
ร่างโปร่งแสงที่มีใบหน้าละม้ายศพในน้ำราวกับฝาแฝด เพียงแต่ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยเลือดสีเข้ม และผอมกว่าเล็กน้อย ยังคงยืนนิ่ง "ร่างกายนั้นต้องขึ้นอืดแน่แล้ว" เธอจ้องกลับด้วยแววตาแข็งกร้าวเช่นกัน ทว่าร่างโปร่งแสงกลับไม่ยอมหนีไปไหน หมายความว่ามีเรื่องขอให้ช่วย
"ไปในที่ที่สมควรอยู่เสียเถอะ ฉันจะแจ้งตำรวจให้ตามหาญาติให้" หญิงสาวชาชินกับการไม่ตอบรับหรือพูดคุยจากวิญญาณเหล่านี้ ไม่เคยได้อะไรจากการพูดกับพวกเขาสักครั้ง แม้จะได้ยินเสียงโหยหวนกรีดร้อง ทว่าไร้ซึ่งการสื่อสารเป็นคำพูด มีเพียงสีหน้าเจ็บปวด ดวงตาหลอกหลอน ริมฝีปากบิดเบี้ยว และเลือดไหลโซมกายที่ทำให้ผู้พบเห็นสยดสยอง
เสียงหวีดหวิวของลมดังขึ้น มันพัดพาใบไม้แห้งปลิดปลิวไปตามแรง และผ่านไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวรีบยกมือเล็กเรียวขึ้นปิดหน้าป้องกันฝุ่นเม็ดทรายเข้าตา เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ภาพน่ากลัวนั้นก็หายวับไปแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ามืดมิดอีกครั้ง ไม่มีแสงดาว มีแค่ดวงจันทร์ ที่ทอแสงนวลเพียงเสี้ยวเดียว ลมพัดแผ่วเข้ามาอีกครั้ง และอีกครั้ง
อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว นี่คงเป็นอีกคืนหนึ่งที่เธอหลับไม่ลง เสียงเพลงกล่อมเด็กนั้นยังก้องอยู่ในหัวตลอด ยิ่งในยามค่ำคืนเช่นนี้ มันช่างโหยหวนชวนให้ขนลุก ทว่าในความคิดของรัตติกาล ไม่มีอะไรน่ากลัวกว่าตัวเธอเองแล้วละ
เสียงไซเรนจังหวะถี่ๆ ดังไปทั่วอาณาบริเวณ ที่เกิดเหตุคือหนองน้ำติดกับถนนใหญ่เป็นเส้นทางที่มีคนผ่านไปมาอยู่เสมอ ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงต่างยืนมองการทำงานของตำรวจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิอย่างสนอกสนใจ พร้อมทั้งส่งเสียงอื้ออึงถามกันถึงสาเหตุของเรื่องราวบ้างก็ใช้มือปิดจมูกไว้เพราะกลิ่นเหม็นที่เริ่มโชยมา พอมีคนหนึ่งทำก็เริ่มมีคนต่อไป
ชายหนุ่มเหลือบมองกิริยาเหล่านั้นด้วยความเข้าใจว่าเป็นหลักจิตวิทยาอย่างหนึ่ง เขาไม่มีส่วนเกี่ยงข้องกับคดีที่อยู่ตรงหน้า เพียงแต่ห้องพักอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงเดินเข้ามาร่วมวงเป็นไทยมุงเท่านั้นเอง ชายไทเหลือบมองร่างไร้วิญญาณซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเพิ่งยกขึ้นมาจากน้ำหมาดๆ หนุ่มนิรนามคนนี้สวมเสื้อผ้าครบทั้งเสื้อยืดสีขาว แจ็กเก็ตสีดำ และกางเกงยีนสีเข้ม จริงๆ อาจไม่ได้อ้วนนัก แต่เพราะศพเริ่มขึ้นอืดแล้วเนื้อหนังจึงดูบวมเป่ง
"อ้าว ดอกเตอร์ชายไท" เสียงตำรวจคนหนึ่งทัก เขายิ้มรับบางๆ เมื่อเห็นว่าคนกล่าวนั้นเป็นใคร ชายไท เป็นชื่อแท้จริงของเขา เนื่องจากสมัยก่อนเขามีรูปร่างผอมบางทำให้ถูกล้อมาตั้งแต่เด็กจนโต แต่ใครจะนึกว่าเด็กชายชายไทคนนั้น บัดนี้กลายเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ดวงตาชั้นเดียวอยู่หลังแว่นกรอบใสที่ใส่ไว้เพียงเพี่อให้ดูน่าเชื่อถือสำหรับอาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัย เพราะเขาไม่ใช่เด็กสายตาสั้น ไม่ใช่หนุ่มคงแก่เรียน ทว่าเป็นเด็กเกเรทั่วไปที่พบได้บ่อยๆ เพียงแต่ประสบความสำเร็จในชีวิตเร็วกว่าคนอื่นเท่านั้น
"เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ" เขาถามหมวดจรินทร์ ตำรวจหนุ่มที่เจอกันบ่อยครั้งเมื่อคราวไปช่วยงานสำนักงานตำรวจอยู่พักหนึ่ง แม้ไม่ได้เจอกันในหน่วยงานที่เข้าไปช่วย แต่เพราะเป็นรุ่นน้องของอดีตหัวหน้าหน่วยสืบสวนคดีพิเศษที่ชายไทเคยทำงานด้วย ทำให้พวกเขารู้จักคุ้นเคยกันดี
"อาจมีคนเอาศพมาทิ้งไว้น่ะ พอดีเลย ดอกเตอร์มาช่วยดูหน่อยสิ แพทย์นิติเวชยังไม่มาเลย" ตำรวจหนุ่มกล่าว "ผมเป็นนักจิตวิทยานะครับ ไม่ได้เป็นแพทย์นิติเวช" ชายไทเลิกคิ้ว แม้เขาจะค้าน แต่ก็ก้าวไปดูสภาพศพอย่างใกล้ชิด
เนื้อหาปกหลัง : กลรัตติกาล
กลรัตติกาล
สร้อยรัตติกาลเป็นสร้อยแห่งพรหรือสร้อยแห่งคำสาป ภายหลังรอดชีวิตจากอุบัติเหตุ ชีวิตของ รัตติกาล ก็เปลี่ยนไป จากนางแบบสาวดาวรุ่งที่คนทั้งในและนอกวงการต่างจับตามองด้วยความชื่นชมกลับกลายเป็นคนที่มีพฤติกรรมแปลกประหลาด อ้างว่าตัวเองเห็นวิญญาณและสัมผัสได้ถึงสิ่งลี้ลับ จนใครๆ ต่างบอกว่า "เธอเป็นบ้า" รัตติกาลเชื่อว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอมีสาเหตุมาจาก "สร้อย" เส้นนั้น
จนกระทั่งสัมผัสแห่งปริศนาได้นำพาหญิงสาวให้มาพบกับ ดอกเตอร์ชายไท อาจารย์หนุ่มด้านจิตวิทยาผู้ไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ซึ่งได้รับคำสั่งจาก ชมนาด ผู้เป็นยาย ให้ออกตามหาสร้อยรูปพระจันทร์เสี้ยวที่มีชื่อว่า สร้อยรัตติกาล เพื่อนำกลับไปไว้ในทีที่ควรอยู่ เพราะสร้อยนั้นต้องคำสาปและกุมความลับสำคัญบางอย่างเอาไว้
จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้รัตติกาลและดอกเตอร์ชายไทต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวเร้นลับชวนพิศวงที่ยากเกินคาดเดา
รีวิวโดยผู้เขียน : กลรัตติกาล
กลรัตติกาล
กลรัตติกาล เกิดแรงบันดาลใจเกี่ยวกับการขอพร คนเรามักขอพรให้ตัวเองในวาระหรือเหตุการณ์ ด้วยเหตุผลแตกต่างกันไป จะเป็นอย่างไรนะถ้าเรามีโอกาสมีชีวิตต่อหลังจากที่ตายไปแล้ว ไม่มีใครรู้วันเวลาตายของตัวเอง ถ้ารู้ แล้วมีโอกาสร้องขอให้ได้อยู่ต่อล่ะ เป็นคำถามที่ทำให้เกิดพล็อตเรื่องนี้ขึ้นค่ะ
แล้วคนเราต่างก็มีความเชื่ออยู่ในตัว เชื่อเรื่องผีสางเทวดา เชื่อเรื่องบุญ เรื่องกรรมมากมายไปหมด แต่อยากให้มีสติในการพิจารณาความเชื่อให้อยู่ในความพอดี มีเหตุผลให้มากค่ะ เชื่อได้ แต่อย่างมงาย น่าจะเป็นคำที่เหมาะสม
ตัวเอกของเรื่องก็คือ ดร.ชายไท นักจิตวิทยาที่เคยร่วมทำงานในทีมสืบสวนพิเศษจากเรื่อง ซ่อนใจไว้ใต้ดาว เรื่องนี้เพิ่มดีกรีความเข้มขึ้นในบทบาทพระเอกอีกทั้งผสมผสานเรื่องภูตผีเข้ามาด้วย คนเขียนดองพล็อตอยู่สองปี และหนึ่งปีในการเขียนๆ หยุดๆ ยาวนานจนไม่คาดคิดว่าจะจบค่ะ
ทั้งนี้ต้องขอบคุณพี่ญานภาที่คอยแนะนำเรื่องต้นฉบับ แม้จะยุ่งแค่ไหนก็ยังช่วยน้องคนนี้ตลอด จนสำเร็จเป็นรูปเล่มในที่สุดค่ะ ขอบคุณพี่ๆ กลุ่มสาวสวยที่คอยส่งกำลังใจพร้อมคำแนะนำดีๆ ตลอดมาค่ะ ขอบคุณกองบรรณาธิการสำนักพิมพ์อรุณในการดูแลต้นฉบับอย่างดี และลืมไม่ได้เลยคือ คุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ คอยสนับสนุนเสมอมา ขอบคุณมากๆ ค่ะ
คีตา
รีวิวโดยสำนักพิมพ์ : กลรัตติกาล
กลรัตติกาล
กลรัตติกาลเป็นเรื่องราวของ ดอกเตอร์ชายไท ซึ่งเป็นทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัยสอนด้านจิตวิทยาและหมอดูชื่อดังทางเคเบิลทีวี กับ รัตติกาล หญิงสาวผู้มีญาณทิพย์มองเห็นดวงวิญญาณ ทั้งสองต้องเข้ามาพัวพันกับการไขความลับของสร้อยปริศนาที่เกี่ยวพันกับชะตาชีวิตของหลายๆ คน ซึ่งตลอดเส้นทางการค้นหาความจริง ชายหนุ่มและหญิงสาวต้องพบกับเรื่องประหลาดเหนือธรรมชาติมากมายผ่านเข้ามาเขย่าหัวใจ
เรียกได้ว่าผลงานชิ้นนี้ของ คีตา นอกจากสนุกแล้ว ยังลุ้นระทึกตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องเลยทีเดียว สำนักพิมพ์อรุณเชื่อว่าแฟนๆ ของ คีตา และนักอ่านที่รักทุกท่านจะเพลิดเพลินไปกับนิยายเรื่องนี้อย่างสุดใจ
สำนักพิมพ์อรุณ