รายละเอียด : DARKSIDE IN THREE KINGDOMS: ด้านมืดในสามก๊ก ตอน ชำแหละหัวใจคนร้อยเล่ห์โจโฉ
ด้านมืดในสามก๊ก ตอน ชำแหละหัวใจคนร้อยเล่ห์
ผมตั้งใจที่จะเขียนถึงแง่มุมต่างๆ ของโจโฉ ในทรรศนะของผม และใช้รูปแบบภาษาสำนวนที่เป็นตัวของตัวเอง สั้นๆกระชับ เข้าใจง่ายและเป็นการยั่วอารมณ์ให้ไปอ่านสามก๊กในฉบับสมบูรณ์ แต่รับรองว่าจะทำให้มองเห็นเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิง ด้านมืดของจิตใจ แล้วขณะเดียวกันก็จะพบภูมิปัญญาและคุณธรรมต่างๆในสามก๊กเช่นกัน
โจโฉตามสำเนียงฮกเกี้ยน หรือ เฉา เชา ตามสำเนียงกลาง สมุหนายกราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ทั้งเป็นบุคคลหนึ่งซึ่งมีบทบาทสำคัญที่สุดในสมัยสามก๊ก และเป็นผู้วางรากฐานรัฐเว่ย (วุย) หรือ พระเจ้าเว่ยบู๊ตี้
ในสามก๊กฉบับวรรณกรรมมักแสดงภาพโจโฉว่าเป็นทรราชโหดร้ายป่าเถื่อน แต่ตามประวัติศาสตร์แล้ว โจโฉได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ปกครองที่ชาญฉลาดและเป็นนายทัพที่ปรีชาสามารถ รักและดูแลลูกน้องเหมือนครอบครัวตนเอง นอกจากนี้ โจโฉยังมีฝีมือดีในทางโคลงกลอนและศิลปะการต่อสู้ด้วย
โจโฉได้ฝากผลงานเป็นพิชัยสงครามไว้ ผลงานทางพิชัยสงครามชิ้นสำคัญคือตำราพิชัยสงครามโจโฉหรือ เมิ่งเต๋อเซินซู แต่ว่ากันว่าลอกซุนวูมาทั้งดุ้น ซึ่งเป็นตำรามีบันทึกในนิยายสามก๊กว่าถูกเผาทำลายไปแล้ว แต่ในบันทึกของตำราพิชัยสงครามหลี่จิ้งนั้นกลับระบุว่าเขาใช้เนื้อหาในตำรานี้เป็นแนวคิดหนึ่งในการทำศึกและพระเจ้าถังไท่จง ก็ศึกษาตำรานี้ด้วย ดังนั้นจึงอาจยังมีฉบับคัดลอกตกทอดต่อมาหรือบางทีอาจจะไม่ได้ถูกเผาทำลายไปจิงๆเหมือนที่เขียนไว้ในนิยายก็เป็นได้
โจโฉเป็นบุตรชายของโจโก๋ ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของมหาขันทีโจเท้ง ซึ่งเดิมทีโจโก๋เป็นคนในตระกูลแฮหัวจึงเป็นญาติใกล้ชิดกัน เขาเริ่มต้นรับราชการเมื่ออายุ 20 ปี ไต่เต้ามาเรื่อยๆ แต่เริ่มมีชื่อเสียงในตำแหน่ง เป้ยตู้เว่ย หรือผู้บังคับการกองทหารนครบาลเหนือ ภายหลังได้เขาได้เข้ามาอยู่ในสังกัดอ้วนเสี้ยว โดยมีตำแหน่งเป็นผู้บังคับการกรมทหารม้าเร็ว แล้วได้รับตำแหน่งให้เป็นแม่ทัพของฝ่ายราชวงศ์ฮั่นที่ออกปราบกบฏโจรโพกผ้าเหลือง ซึ่งมีเตียวก๊กเป็นหัวหน้า มีพระเจ้าเลนเต้เป็นจักรพรรดิ ว่ากันว่าโจโฉเป็นคนรูปร่างเล็ก ตาเรียวเล็ก หนวดเครายาวบุคลิกมีนิสัยฉลาดแกมโกง
เขาเชี่ยวชาญตำราพิชัยสงคราม ชื่นชอบศิลปะ นิสัยรายละเอียดรอบคอบในการคิด ภายหลัง จากปราบโจรโพกผ้าได้สำเร็จและได้รับความดีความชอบเป็นอย่างมาก แต่ภายหลังเกิดเหตุการณ์ตั๋งโต๊ะยึดอำนาจและตั้งตนเป็นใหญ่ โจโฉแฝงตัวร่วมรับราชการในฐานะผู้บัญชาการทหารม้า อยู่กับตั๋งโต๊ะเพื่อคอยหาโอกาสสังหาร
แต่ภายหลังลงมือลอบสังหารไม่สำเร็จ จึงรับหนีออกจากวัง ระหว่างหลบหนีโจโฉได้ถูกจับตัวและพบกับตันก๋ง เจ้าเมืองจงพวน ซึ่งชื่นชมในลักษณะนิสัยใจคอจึงขอร่วมเดินทางไปด้วยโดยที่โจโฉมุ่งหน้าไปหาแปะเฉีย ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมสาบานของโจโฉ ด้วยความหวาดระแวงในการหลบหนี ทำให้โจโฉสังหารแปะเฉียและคนในครอบครัว ด้วยความเข้าใจผิดที่คิดว่าแปะเฉีย สั่งให้คนใช้จับตนเพื่อส่งกลับยังเมืองหลวง ความโหดเหี้ยมของโจโฉ ทำให้ตันก๋งขอแยกทาง
ซึ่งโจโฉได้กล่าวกับตันก๋งว่า ข้ายอมทรยศคนทั้งโลก แต่ไม่ยอมให้ใครทรยศข้า
ต่อมาโจโฉ ได้รวบรวมพรรคพรวกเพื่อบุกเข้าเมืองหลวงและร่วมมือกับเจ้าเมือง 17 หัวเมืองตั้งเป็นกองทัพสิบเจ็ดหัวเมืองในภายหลังโดยมี อ้วนเสี้ยวเป็นแม่ทัพใหญ่ในการปราบตั๋งโต๊ะ ต่อมาภายหลังโจโฉ เริ่มเบื่อหน่ายกับความแตกแยกในกองทัพพันธมิตร จึงรวบรวมทหารที่เห็นด้วยกับตนแล้วแยกตัวออกไป
ภายหลังจาการรวมกองกำลังทหารและปราบตั๋งโต๊ะได้สำเร็จ โจโฉเกิดความทะเยอทะยานในอำนาจของตน เข้าทำการข่มขี่ฮ่องเต้วัยเยาว์ จนได้รับการแต่งตั้งเป็นสมุหนายก และเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระเจ้าเหี้ยนเต้ สร้างความคับแค้นใจให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ จนต้องแอบเขียนพระราชโอการด้วยโลหิตถึงพระเจ้าอาเล่าปี่ เพื่อช่วยปราบโจโฉ ต่อมาได้ครองเมืองลงเอี๋ยง มีฐานะเป็นเมืองหลวง ซึ่งมั่งคั่งและอุดมสมบูรณ์มากที่สุด แต่ด้วยนิสัยหวาดระแวงของโจโฉ ทำให้สั่งประหารบุคคลสำคัญจำนวนมาก
ภายหลังโจโฉ สามารถปราบความวุ่นวายและขุนศึกกองกำลังต่างๆ ในภาคกลางและเหนือได้ ไม่ว่าจะเป็น ลิโป้ อ้วยสุด เตียวซิ่ว อ้วนเสี้ยว เล่าเปียว โดยเฉพาะศึกกับอ้วนเสี้ยวที่สมรภูมิกัวต๋อนั้น ซึ่งฝ่ายโจโฉ มีกำลังทัพด้อยกว่าทุกด้านแต่กกลับพลิกสถานการณ์จนสามารถเอาชัยชนะมาได้ ทำให้เขากลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดเหนือแผ่นดินจงหยวน (ภาคเหนือ) จากนั้นจึงระดมกองทัพหลายแสนบุกภาคใต้ เพื่อปราบปรามเล่าปี่ และ ซุนกวน ซึ่งจับมือเป็นพันธมิตรกัน ด้วยความประมาทบวกกับปัจจัยต่างๆทำให้กองทัพของโจโฉ ไปพ่ายแพ้อย่างยับเยินที่เซ็กเพ็กหรือผาแดง ซึ่งศึกที่ผาแดงนี้เป็น 1 ใน 3 สงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสามก๊ก และทำให้อำนาจในแผ่นดินมังกรถูกแบ่งเป็นสามฝ่ายแม้ว่าจะพ่ายแพ้จากศึกผาแดง แต่โจโฉก็ยังคงมีกองกำลังที่เข้มแข็งที่สุดในแผ่นดิน และพยายามแผ่ขยายอิทธิพลของตนลงมาเพื่อปราบปรามเล่าปี่และซุนกวนทางภาคใต้อยู่ตลอด
ต่อมาเมื่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ แต่งตั้งให้โจโฉขึ้นเป็นวุยอ๋อง หรือสมุหนายก เทียบเท่านายกรัฐมนตรี ทำให้มีอำนาจประดุจฮ่องเต้ และตั้งเมืองเย่ ขึ้นเป็นเมืองหลวงของแคว้นวุย (เว่ย) สร้างอิทธิพลและบารมีจนยิ่งใหญ่ในแผ่นดินและกลายเป็นหนึ่งในสามผู้นำที่คานอำนาจในแผ่นดินร่วมกับเล่าปี่ และซุนกวน
แต่ชีวิตส่วนตัวโจโฉป่วยเป็นโรคปวดหัวเรื้อรัง จึงมักปวดหัวเป็นประจำ และกำเริบหนักขึ้น หลังจากกวนอู แห่งจ๊กก๊ก ซุนกวนก็คิดที่จะส่งศีรษะของกวนอู ไปให้โจโฉ เพื่อให้เล่าปี่เข้าใจผิดและหันไปล้างแค้นกับโจโฉ แทนที่จะมาล้างแค้นตน ปรากฏว่าเมื่อกล่องใส่ศีรษะของกวนอูมาถึงมือโจโฉ
โจโฉเปิดกล่องมองดูหัวของกวนอู ก็หัวเราะชอบใจ แต่แล้วจู่ๆกวนอูก็เบิกตาโพลงอ้าปากค้าง ทำให้โจโฉตกใจจนตกจากเก้าอี้ ยิ่งได้ฟังเรื่อลิบองถูกวิญญาณของกวนอู เข้าสิงลุกขึ้นด่าซุนกวน จนกระอักเลือดตายก็เกิดความกลัวจนพูดว่า
ขนาดกวนอูตอนเป็นยังดูน่ากลัว ตอนตายก็ดูน่ากลัวเข้าไปใหญ่อีก
แน่นอนว่าคนเหลี่ยมจัดอย่างโจโฉ ก็รู้แผนของซุนกวนว่า โยนถ่านไฟร้อนๆมาให้ตนจึงสั่งให้สลักร่างกายด้วยไม้หอมให้แก่กวนอู และฝังศพกวนอู ทางทิศใต้ของเมืองลกเอี๋ยงและแต่งตั้งกวนอูเป็นอ๋องแห่งเกงจิ๋วจากนั้นก็เดินทางไปเซ่นไหว้กวนอูที่สุสาน
แต่หลังจากงานศพกวยอู ผ่านไปจิตใจของโจโฉก็อยู่ไม่เป็นสุขทุกคืน จึงคิดว่าสร้างตำหนักใหม่แต่ขาดเสาเอก ว่าก็ได้พบมีศาลแห่งหนึ่งที่มีต้นสาลี่ใหญ่สูงกว่า 100 ศอก เหมาะที่จะเอามาทำเป็นเสาเอก โจโฉสั่งให้โค่นลงแต่คนตัดไม้ไม่สามารถโค่นลงได้ จึงไปรายงานให้กับโจโฉ โจโฉจึงไปดูต้นสาลี่ด้วยตัวเอง เมื่อสำรวจแล้วก็สั่งให้คนตัดไม้โค่นอีก แต่ก็ได้รับเสียงคัดค้านจากชาวบ้านว่าต้นสาลี่นั้นศักดิ์สิทธิ์มีเทพคุ้มครองอยู่โค่นไม่ได้ แต่โจโฉหาได้ใส่ใจไม่และบอกกับชาวบ้านว่า ข้ากร่ำศึกมากกว่าสี่สิบปี ไม่เคยกลัวผู้ใด มีแต่ไพร่สามัญจนถึงฮ่องเต้ล้วนเกรงกลัวข้า ภูตผีที่ไหนกล้าขวางข้า จึงชักดาบฟันต้นสาลี่ทำให้มียางไม้ที่มีสีคล้ายเลือดพ่นกระฉูดออกมาถูกเสื้อผ้า โจโฉก็เผ่นหนีไปด้วยความหวาดกลัว
จากนั้นก็อาการปวดหัวหนักขึ้น ต่อมาหมอฮัวโต๋ ได้มาทำการตรวจอาการของโจโฉก็พบว่าลมในสมองมันตีบ ซึ่งต้นเหตุมันอยู่ในกระโหลกและเสนอการรักษาด้วยการให้ผ่ากะโหลกและเสนอการรักษาด้วยการให้ผ่ากะโหลกศีรษะ โจโฉกลับคิดว่าฮัวโต๋จะฆ่าตน จึงสั่งให้จับไปขังคุกและทรมานให้สารภาพ แม้จะได้รับการคัดค้านจากที่ปรึกษาก็ไม่ฟัง หมอฮัวโต๋จึงถูกจับขังคุกจนตาย
ต่อมาโจโฉได้จัดงานเลี้ยงแม้จะปวดหัวก็ยังทนได้ และได้รับจดหมายจากซุนกวนว่าขอให้โจโฉขึ้นมาเป็นฮ่องเต้ ปราบปรามเล่าปี่พิชิตเสฉวน เมื่อปราบได้ก็จะมาสวามิภักดิ์แต่โจโฉกลับไม่เชื่อ แต่เหล่าที่ปรึกษาและทหารของท่านกลับเห็นด้วย ได้พากันอ้อนวอนขอให้ขึ้นมาเป็นวุยอ๋องก็พอแล้ว หลังจากนั้นอาการของโจโฉก็ทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆจนซมอยู่บนเตียง
แต่ในขณะที่หลับฝันเห็นวิญญาณของคนที่ตนเคยฆ่ามาตามทวงเอาชีวิต จนสะดุ้งตื่นขึ้นชักดาบจทำให้เหล่านางกำนัลต้องเผ่นหนีกระเจิงไป บรรดาที่ปรึกษาก็ได้แนะนำให้เชิญนักพรตลัทธิเต๋ามาช่วยทำพิธีปัดรังควาน แต่โจโฉกลับพูดว่าฟ้าได้ลงโทษแล้ว ไม่อาจฏีกาหรือขอขมาได้เลย ตนหมดบุญเพียงเท่านี้แล้ว ไม่อาจช่วยได้แล้ว
โจโฉก็ได้สั่งเสียกับเลห่าที่ปรึกษาและทหารของตนว่าให้ช่วยค้ำจุนโจผี บุตรชายผู้เป็นทายาทต่อจากตน และทำการใหญ่ด้วยการรวบรวมแผ่นดินจีนให้ได้ และก็ได้สั่งให้สร้างสุสานไว้ 72 แห่ง ที่นอกจวนเตียวเต้ง และเกียงบู๋ และสั่งให้ฝังตนไว้ในสุสานใดสุสานหนึ่งใน 72 แห่งเพื่อไม่ให้คนรุ่นหลังมาพบเจอ มีแต่เพียงคนที่เชื่อใจได้เท่านั้นที่รู้ว่าตนอยู่สุสานไหน
หลังจากนั้นก็ได้เชิญเหล่าบรรดาภรรยามาหาตนเพื่อสั่งเสีย แต่ช่วงนั้นตาของโจโฉบอดมองไม่เห็นได้แต่ใช้มือจับลูบคลำใบหน้าของเหล่าบรรดาภรรยา เพื่อจดจำว่าเป็นใครและได้มอบถุงเงินจำนวนหนึ่งให้แก่พวกนางเพื่อให้พวกนางหัดทำงานปักด้ายทอเกือกขายแลกเอาเงินเลี้ยงตัวเอง และสั่งให้พวกนางอาศัยในหอตั่งเซ็ก ต้องเซ่นไหว้ตนทุกวันเพ็ญและให้นางกำนัลขับกล่อมตนด้วย หลังจากนั้นโจโฉก็ได้เสียชีวิตเมื่ออายุได้ 66 ปี
ภายหลังจากโจโฉเสียชีวิตไม่นานนัก โจผีได้ถอดพระเจ้าเหี้ยนเต้ ออกจากตำแหน่งและสถาปนาตนเองเป็นพระเจ้าโจผี แห่งราชวงศ์วุย(เว่ย) รวมทั้งยกย่องโจโฉขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์แรกแห่งราชวงศ์วุย พร้อมถวายพระนามย้อนหลังว่าพระเจ้าเว่ยบู๊ตี้
สารบัญ : DARKSIDE IN THREE KINGDOMS: ด้านมืดในสามก๊ก ตอน ชำแหละหัวใจคนร้อยเล่ห์โจโฉ
- กว่าจะมาเป็นโจโฉ
- หลังสิ้นโจโฉพระเจ้าเหี้ยนเต้ก็สิ้นราชวงศ์
- เปิดสาแหรกทายาท โจโฉ
- คมความคิด โจโฉ
- อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น ผู้บริหารสไตล์ โจโฉ
- ใครให้เงินก้อนแรกกับโจโฉ เพื่อลงทุนสร้างกองทัพ
- ในสามสุดยอดที่ปรึกษาประจำตัว แต่ใครคือคนที่โจโฉฟังมากที่สุด
- โรคประจำตัวของโจโฉ โรคเกลียดคนรู้ทัน
- ศาสตร์แห่งการหน้าด้านใจดำ สุดยอดเคล็ดลับวิชาที่ สุมาอี้ ฝึกสำเร็จ
- รักลูกให้ถูกทาง...สไตล์โจโฉ
- คำถามง่ายๆแต่คำตอบไหน ของ โจผี-โจสิด จะถูกใจ โจโฉ
เนื้อหาปกหลัง : DARKSIDE IN THREE KINGDOMS: ด้านมืดในสามก๊ก ตอน ชำแหละหัวใจคนร้อยเล่ห์โจโฉ
ผมตั้งใจที่จะเขียนถึงแง่มุมต่างๆ ของโจโฉ ในทรรศนะของผม และใช้รูปแบบภาษาสำนวนที่เป็นตัวของตัวเอง สั้นๆกระชับ เข้าใจง่ายและเป็นการยั่วอารมณ์ให้ไปอ่านสามก๊กในฉบับสมบุรณ์ แต่รับรองว่าจะทำให้มองเห็นเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิง ด้านมืดของจิตใจ แล้วขณะเดียวกันก็จะพบภูมิปัญญาและคุณธรรมต่างๆ ในสามก๊กเช่นกัน
งานเขียนชุดนี้เคยทยอยพิมพ์ลงใน www.facebook.com/akeakeakkee ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น จากแฟนเพจจำนวนมาก
รีวิวโดยผู้เขียน : DARKSIDE IN THREE KINGDOMS: ด้านมืดในสามก๊ก ตอน ชำแหละหัวใจคนร้อยเล่ห์โจโฉ
งานชุดนี้ที่ผมใช้ชื่อว่า DARKSIDE IN THE THREE KINGDOMS ผมตั้งใจที่จะเขียนถึงแง่มุมต่างๆของโจโฉ ในทรรศนะของผมและใช้รูปแบบภาษาสำนวนที่เป็นตัวของตัวเอง สั้นๆ กระชับ เข้าใจง่ายและเป็นการยั่วอารมณ์ให้ไปอ่านสามก๊กในฉบับสมบูรณ์ แต่รับรองว่าจะทำให้มองเห็นเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิง ด้านมืดของจิตใจ แล้วขณะเดียวกันก็จะพบภูมิปัญญาและคุณธรรมต่างๆในสามก๊กเช่นกัน
ด้วยจิตคารวะ
เอก อัคคี
รีวิวโดยสำนักพิมพ์ : DARKSIDE IN THREE KINGDOMS: ด้านมืดในสามก๊ก ตอน ชำแหละหัวใจคนร้อยเล่ห์โจโฉ
ถ้าหากใครอ่านแล้วเกิดความรู้สึกคับข้องใจอยากรู้เรื่องราวในสามก๊กอย่างลึกซึ้งรอบด้านครบถ้วนก็ถือว่าเป้นความสำเร็จของผู้เรียบเรียง/เล่าเรื่องของสำนักพิมพ์ MONOPOET ที่มุ่งมาดปรารถนาจะยั่วอารมณ์ให้ท่านผู้อ่านไปหาฉบับที่สมบูรณ์มาอ่านกัน
สำหรับงานในชุดนี้ของผู้เขียน คงจะมีทยอยตามออกมา หากได้รับการสนับสนุนจากท่านผู้อ่านทั้งหลายด้วยดี
ด้วยมิตรภาพ
สำนักพิมพ์ MONOPOET