รายละเอียด : ปางบุญ
ปางบุญ
รัตน์สิกามีสีหน้าเจื่อนลง อายซะยิ่งกว่าอาย ชายหนุ่มเริ่มออกเดินนำไปก่อน เธอจึงบ่นกับตัวเองโดยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทันได้ยิน "นั่นมันเฟิร์สคิสของฉันเชียวนะ เอาคืนมา" ชัชพลหันหลังกลับมาอีกครั้ง ร่างสูงยืนตรงหน้าเธอแล้วถามสั้นๆ "หรือจะให้ผมจูบคืน?" ร่างบางชะงักกึก คำถามเดียวแต่รู้สึกเหมือนตัวเธอล้มลงไปนอนแผ่หลาที่พื้นแล้วมีกรรมการมานับหนึ่งถึงสิบอยู่ เธอน็อคตายคาที่ทันที หญิงสาวได้แต่ทำเสียงอึกอักในลำคอ แล้วตัดสินใจได้ว่าควรจบประเด็นนี้ทันทีแต่ก็ยังไม่วายกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า "กฏข้อที่สองของเราวันนี้ ห้ามคุณทำอะไรไม่คิดอีก" เพราะคุณไม่คิด แต่ฉันน่ะคิด
ฉันไม่ยอมแพ้ หญิงสาวบอกตัวเองด้วยสติอันเลือนราง รู้สึกเหมือนจะบ่นพึมพำออกไปมากมายตามที่ใจคิด แต่กลับไม่มีสิ่งใดหลุดลอดออกจากปากท่ามกลางความเงียบงันได้ยินเพียงเสียงหอบถี่กระชั้นของตัวเอง เรี่ยวแรงที่เหลือเพียงพอแค่หายใจเข้าออกเท่านั้น แม้อยากจะสูดลมหายใจเข้าแรงๆ ให้ออกซิเจนชุ่มปอดแต่ก็ไม่อาจทำได้ เพราะหน้าอกหนักอึ้งราวกับถูกบางสิ่งหนาหนักทับเอาไว้ทั้งที่บนตัวมีเพียงผ้าหม่ผืนเดียวเท่านั้น
ปลายนิ้วมือเรียวขยับหมายจะเอื้อมไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียง หากแขนกลับไม่อาจเขยื้อนตามใจคิด สุดท้ายก็ต้องละความพยายาม ครู่หนึ่งจึงได้ยินเสียงกุกกักอยู่บริเวณประตูห้องนอน เป็นเขาใช่ไหม คนที่เธอคิดถึงอยู่ทุกลมหายใจเขาออกคนนั้น
ชายหนุ่มหมุนลูกบิดประตูด้วยความเร่งรีบจนสองมือสั่นเทา ร้อนใจเพราะการยืนอยู่ด้านนอกเช่นนี้กลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นบางอย่างแทรกซึกผ่านช่องประตู เป็นกลิ่นเหม็นไหม้ที่เหมือนจะอบอวลอยู่ภายในห้องมานานครั้นประตูบานใหญ่แสนหนักอึ้งในความรู้สึกเปิดอ้า กลิ่นนั้นก็ยิ่งคละคลุ้งพุ่งออกมา เมื่อหลงสูดเข้าไปโดยไม่ทันตั้งตัวแล้วทำเอารู้สึกอยากอาเจียนขึ้นมาทันที
สัญชาตญาณระวังภัยของเขาเริ่มทำงานเต็มที่เพราะรู้ได้ว่ามี "บางสิ่ง" ที่ไม่ปกติ อยู่ภายใน ภายในห้องไร้ซึ่งแสงไฟจึงทำให้บรรยากาศดูเลือนราง ราวกับยืนอยู่ในค่ำคืนที่มืดมิดไม่มีแม้แต่แสงจันทร์ส่อง ร่างสูงใหญ่เอื้อมมือไปเปิดไฟในห้องโดยอัตโนมัติ แสงไฟสว่างวาบขึ่นมาทันทีพร้อมกับที่เขาได้ "เห็น" ต้นเหตุของกลิ่นเหม็นไหม้ตลบอบอวลนั้นเอง
เรืองร่างบอบบางทอดกายอยู่บนเตียงอย่างสงบนิ่ง มีผ้าห่มคลุมร่างเอาไว้ให้เห็นเพียงใบหน้า ช่วงอก และท่อนแขนเรียวทั้งสองข้างที่โผล่พ้นผ้าออกมา ให้ความรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายจะสามารถจมหายไปในที่นอนหนานุ่มได้อย่างไรอย่างนั้น ทว่ากลิ่นเหม็นอันโดดเด่นนั้นกลับไม่ได้มาจากตัวเธอมันมาจากเงาดำทะมึนที่คร่อมทับอยู่บนหน้าอกของเธอต่างหาก
คนมองอยากจะให้คำจำจัดความมันว่าเป็นโครงกระดูก แม้จะไม่ใช่โดยสิ้นเชิงทว่าก็ไม่ต่างอะไรเลย เพราะผิวเนื้อล้วนไหม้เกรียม ที่พอเหลืออยู่ก็ติดกระดูกเป็นตะปุ่มตะป่ำ บางส่วนที่ไร้เนื้อหนังยังเห็นกระดูกขาวๆ โผล่ออกมา
คำนำ : ปางบุญ
ปางบุญ
หากจะพูดถึงผลผลิตจาก "ค่ายเรื่องเล่านิยายรัก" ว่าเป็นอย่างไร หนังสือเล่มนี้ในมือคุณคือคำตอบค่ะ เมื่อปี 2014 ที่ผ่านมาแจ่มใสได้จัดค่ายเรื่องเล่านิยายรักกันเป็นครั้งที่ 4 แล้ว และในครั้งนี้ก็ได้นักเขียนกิตติมศักดิ์ที่เป็นไอดอลของนักเขียนอีกหลายๆ คนอย่างคุณกิ่งฉัตร คุณปิยะพร ศักดิ์เกษม และคุณหมอโอ๊ต พงศกรมาเป็นวิทยากรถ่ายทอดประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดตั้งแต่เริ่มจับปากกาเขียนนิยายให้แก่เหล่าต้นกล่าทั้งหลายของเรา กระทั่งความรู้ที่ได้จากค่ายในครั้งนั้นกลั่นออกมาเป็นรูปเล่ม ทั้งสามท่านก็ยังอุตส่าห์สละเวลามาเขียนคำนิยมให้กับ "ปางบุญ" อีกเช่นกันค่ะ ขอขอบพระคุณทั้งสามท่านเป็นอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้นะคะ
ตัว "บุญฐิสา" นั้นได้เลือกหยิบเอาเรื่องราวของความเชื่อกับแง่คิดทางศาสนาในแบบที่เธอถนัดมาเรียงร้อยผ่าน "รัตน์สิกา" หญิงสาวที่เพิ่งเข้าวัยเบญจเพสและพบกับมรสุมชีวิตซึ่งถาโถมเข้าใส่จนต้องหันหน้าเข้าพึ่งธรรมะซึ่งนั่นเอง ความจริงที่ถูกซุกซ่อนมาเนิ่นนานค่อยๆ ถูกเปิดเผยทีละน้อย ความน่าสะพรึงกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามาพร้อมกับความรู้สึกอบอุ่นคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดจากชายหนุ่มที่เพิ่งเคยพบหน้ากันอย่าง "ชัชพล" ซึ่งเป็นสิ่งที่รัตน์สิกาไม่เคยคาดคิดมาก่อน เธอจะเป็นอย่างไรต่อไป ความช่วยเหลือของชัชพลจะสัมฤทธิผลหรือไม่ มาร่วมกันเอาใจช่วยพวกเขาได้ใน "ปางบุญ" เลยค่ะ
อ้อ งานนี้บอกเลยว่าถึง "บุญฐิสา" จะเป็นนักเขียนใหม่แกะกล่อง แต่ฝีมือเธอจัดได้ว่าเป็นดาวดวงใหม่ที่น่าสนใจมากทีเดียวค่ะ รับรองว่าถ้าได้ลองอ่านดูสักหน่อยแล้วจะวางไม่ลงอีกเลยจนจบเรื่อง
สำนักพิมพ์แจ่มใส
เนื้อหาปกหลัง : ปางบุญ
ปางบุญ
การได้หลบสังคมไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าทำให้ชีวิตและหัวใจที่ยุ่งเหยิงมาพักใหญ่ของ "รัตน์สิกา" สงบ ลงอย่างบอกไม่ถูก แม้การได้พบกับ "คนบางคน" ที่นั่นจะเป็นเหมือนไม้พายที่คอยกวนตะกอนความรู้สึกในใจให้ขุ่นข้องด้วยความสงสัย
เหมือนมีเสียงกระซิบบางอย่างคอยย้ำเตือนว่า เธอรู้จักเขา ทว่าอีกฝ่ายมีแต่ความเย็นชา ทำทีที่อยากหลีกหนีให้ห่างและกลิ่นอาย "ลึกลับ" บางอย่างตอบกลับมา หากเมื่อกลับมาสู่ชีวิตปกติ ความผิดปกติที่ควบคุมไม่ได้ในชีวิตเธอเริ่มเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง ถี่ขึ้น รุนแรงขึ้น มุ่งร้ายหมายชีวิตมากขึ้น รัตน์สิการู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้า เธอเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น ถูกสิ่งที่ไม่ควรมีตัวตนอยู่บนโลกนี้ตามรังควาน และไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วพวกมันต้องการอะไรกันแน่
เรื่องราวในอดีตกาลอันไกลโพ้นขมวดแน่นหนา หนึ่งคำสาบานผูกรัดโยงใยความสัมพันธ์ให้ซับซ้อนยุ่งเหยิง ความปรารถนาที่ "มัน" หมายมั่นคือสิ่งที่หัวใจร่ำร้องว่าไม่ต้องการและ "เขา" กลับกลายเป็นตัวแปรสำคัญ เป็นผู้เดียวที่จะปกป้อง หากแต่รัตน์สิกาจะทำอย่างไร ในเมื่อตัวเธอเองก็เป็นสิ่งที่หัวใจเขาร่ำร้อง ว่าไม่ต้องการและอยากผลักใสให้ไกลห่างเช่นกัน