รายละเอียด : นิทานกล่อมตาย THE TREATMENT
นิทานกล่อมตาย THE TREATMENT
เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง สารวัตรแจ๊ค แคฟเฟอรีแห่งหน่วยสืบสวนสอบสวนเขต ลอนดอนใต้หรือเอเอ็มไอทีต้องยอมรับอย่างหนึ่ง บรรดาสิ่งที่พบที่ย่านบริกซ์ตันในคืนเมฆครึ้นของเดือนกรกฎาคม อีกาฝูงนั้นทำให้เขาอกสั่นขวัญแขวนมากที่สุด
ตอนที่เขาเดินออกจากบ้านของครอบครัวพีช อีกายี่สิบกว่าตัวยืนพองขนรวมฝูงกันอยู่บนสนามหญ้าข้างๆ โดยไม่สนใจเทปกั้นจุดเกิดเหตุ กลุ่มคนมุงหรือตำรวจเลยสักนิด บางตัวอ้าจะงอยปากซะกว้าง บางตัวก็เหมือนกำลังหอบหายใจ ทุกตัวหันมาประจันหน้าเขาราวกับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านหลังนั้น ราวกับเย้ยหยันท่าทีของเขา หัวเราะเยาะใส่ความไม่เป็นมืออาชีพที่เขาเอาความรู้สึกส่วนตัวไปปนกับงาน
แต่ต่อมาเขาก็คิดได้ว่าพฤติกรรมของฝูงกาเป็นลักษณะตามธรรมชาติพวกมันอ่านความคิดเขาไม่ได้ ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวพีช แต่ก็อดขนลุกไม่ได้เมื่อเห็นการรวมตัวในลักษณะนั้น เมื่อมาถึงทางเดินในสวนเขาก็ถอดชุดหมีสำหรับสวมในที่เกิดเหตุออก ก่อนใส่รองเท้าที่ถอดทิ้งไว้นอกเทปกั้นแล้วเดินฝ่าฝูงกาออกไป พวกมันบินแตกฮือสะบัดขนสีดำเป็นมันพึ่บพั่บ
พื้นที่สวนสาธาณะบร็อกเวลล์เป็นทรงสามเหลี่ยม ส่วนยอดอยู่ที่สถานีรถไฟเฮิร์นฮิลล์ และแผ่กว้างออกไปว่ากิโลเมตรครึ่งตลอดแนวแบ่งเขตสองย่านที่แตกต่างอย่างสุดขัวในลอนดอนใต้ ทางตะวันตกของสวนคือที่รกร้างในย่านบริกซ์ตัน ตอนเช้าทางเทศบาลต้องเททรายลงบนพื้นถนนเพื่อดูดซับเลือดเป็นประจำ ส่วนทางตะวันออกคือย่านดัลลิช มีบ้านสงเคราะห์คนยากไร้หลายหลังที่ปลูกดอกไม้เต็มสวน รวมทั้งหอศิลป์ซึ่งออกแบบโดยจอห์น โซนสถาปนิกชื่อดังที่เชี่ยวชาญศิลปะนีโอคลาสสิก
ถนนดันนีกัล เครสเซนต์อยู่ติดกับสวนบร็อคกเวลล์ สุดถนนด้านหนึ่งเป็นผับที่ปิดตัวไปแล้ว หัวมุมอีกด้านเป็นร้านของชำที่มีเจ้าของเป็นคนอินเดียจากรัฐคุชราต ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเคหะเล็กๆ ที่เงียบสงบ ทาวน์เฮาส์ยุค 50 เรียงรายใต้ผืนฟ้าโล่ง สวนหน้าบ้านไม่มีต้นไม้ให้ร่มเงา ประตูบ้านทาสีน้ำตาบเข้มเหมือนกันหมด ทุกหลังหันหน้าไปทางสนามหญ้าแห้งตายเป็นหย่อมๆ ตอนเย็นเด็กๆ มักมาขี่จักรยานเล่นกันแถวนี้ แคฟเฟอรีเดาว่าครอบครัวพีชคงรู้สึกปลอดภัยพอสมควรเมื่ออยู่ที่นี่
หลังจากถอดชุดหมีและได้ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์เขาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้น สารวัตรหนุ่มเดินพลางมวนบุหรี่ไปหากกลุ่มเจ้าหน้าที่ข้างรถตู้ของแผนกนิติเวชพอเห็นเขาก็พร้อมใจกันนิ่งเงียบ เขารู้ดีว่าคนพวกนั้นคิดอะไรอยู่ ทั้งที่เขาเพิ่งอายุสามสิบกว่าและไม่ได้มีตำแหน่งสูง แต่เจ้าหน้าที่เกือบทุกคนในเขตลอนดอนใต้รู้จัก "หน่มห้าวประจำกรมตำรวจ" ซึ่งเป็นฉายาที่นิตยสารโพลิซ รีวิวตั้งให้คนในกรมฯ ให้ความนับถือเขาพอสมควร แต่ตัวเขาเองกลับรู้สึกแปลกๆ ถ้าใครได้รู้จักตัวตนอีกเสี้ยวหนึ่งของเขาคงผิดหวังแย่ แคฟเฟอรีหวังว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็นมือสั่นๆ ของตัวเอง
"เป็นไงบ้าง" เขาจุดบุหรี่พลางมองถุงเก็บหลักฐานในมือของเจ้าหน้าที่นิติเวชวัยวละอ่อน "เจออะไรบ้าง" "เราเจอมันอยู่ในสวนสาธารณะ ห่างจากหลังบ้านของพวกพีชประมาณยี่สิบเมตร" แคฟเฟอรีรับถุงใบนั้นมาพลิกดูอย่างระมัดระวัง ข้างในเป็นรองเท้ากีฬาไนกี้รุ่นแอร์ เซิร์ฟเวอร์ของเด็ก ขนาดเล็กกว่ามือเขานิดหน่อย "ใครเป็นคนเจอ" "สุนัขตำรวจ" "แล้วไงต่อ" "มันตามกลิ่นต่อไม่ได้ ตอนแรกก็จับกลิ่นได้แล้วนะ ชัดมากเลยด้วย" จ่าตำรวจในเสื้อสีน้ำเงินจากหน่วยสุนัขตำรวจยืนเขย่งแล้วชี้ข้ามหลังคาบ้านไปยังแนวต้นไม้ในสวน ดงไม้แทงยอดสูงบดบังท้องฟ้าบางส่วน "สุนัขนำเราอ้อมไปทางตะวันตกของสวน แต่ไปไม่ได้แค่แปดร้อยเมตรก็ตามกลิ่นไม่เจอแล้ว" เขาดูไม่แน่ใจนักตอนเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำ "แสงก็จะหมดแล้วด้วย"
"นั่นสิ ผมว่าเราติดต่อหน่วยสนับสนุนทางอากาศดีกว่า" แคฟเฟอรีส่งรองเท้าเด็กคืนกลับไป "คุณน่าจะเก็บใส่ถุงตาข่ายนะ" "ว่าไงนะ" "มันมีเลือดติดอยู่ คุณไม่เห็นเหรอ"
เนื้อหาปกหลัง : นิทานกล่อมตาย THE TREATMENT
นิทานกล่อมตาย THE TREATMENT
"ระวังปีศาจโทรลล์จะมาจับตัวไปนะ" คำเตือนให้ระวังปีศาจร้ายในนิทานก่อนนอนแพร่ไปทั่วชุมชนอันเงียบสงบชานกรุงลอนดอนพวกเด็กๆ เชื่อว่าปีศาจร่างยักษ์ตนนี้มีตัวตนอยู่จริง และหวาดกลัวจนไม่กล้าแม้จะเฉียดเข้าใกล้ป่าที่มันอาศัยอยู่
พวกผู้ใหญ่พากันขบขันในความไร้เดียงสาของเด็ก จนกระทั่งมีเด็กชายวัยเก้าขวบถูกลักพาตัวไปจากบ้านต่อหน้าพ่อแม่ หลักฐานขี้ถึงความเป็นไปได้ที่เขาถูก "ตัวอะไรบางอย่าง" จับเขาไปในป่า สารวัต แจ๊ค แคฟเฟอรี รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และพบว่าพ่อแม่ของเด็กถูกปิดตาพร้อมล่าโซ่ขังไว้ในบ้านตลอดสามวัน แม้ไม่เห็นหน้าคนร้าย แต่พวกเขาก็ได้กลิ่นสาบคละคลุ้ง และได้ยินเสียงคล้ายสัตว์สูดดมกลิ่นไปทั่วบ้าน
หลังจากสืบไปได้สักพัก ถึงจะยังไม่แน่ใจ "มัน" คือตัวอะไร แต่จากสภาพของเหยื่อแต่ละรายก็ทำให้แคฟเฟอรีมั่นใจว่า นี่กำลังจะกลายเป็นคดีที่วิปลาสที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งหากย้อนเวลากลับไปได้ "เหยื่อทุกรายคงภาวนาให้ปีศาจโทรลล์มาจับตัวไปเสียยังดีกว่า"
"ท่ามกลางหนังสือแนวเดียวกันที่มีอยู่เกลื่อนแผง นิทานกล่อมตาย เป็นหนึ่งในสิบนิยายสืบสวนแนวสั่นประสาทที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ที่เคยเขียนกันมา" The Times
"ขนหัวลุกและพลิกผันเกินคาดเดา เล่าเรื่องได้โหดถึงแก่นชนิดที่ว่าไม่สงสารคนอ่านเลยสมกับยี่ห้อ Mo Hayder จริงๆ" Daily Telegraph
รีวิวโดยสำนักพิมพ์ : นิทานกล่อมตาย THE TREATMENT
นิทานกล่อมตาย THE TREATMENT
ถึงตอนนี้นักอ่านนิยายสืบสวนสอบสวนชาวไทยคงรู้จัก Mo Hayder กันไม้น้อยแล้ว นิยายเรื่อง "Birdman" หรือ "ศพซ่อนซาก" ของเธอเปิดตัวในประเทศไทยได้อย่างน่าตื่นตะลึง โดยขึ้นครองอันดับขายดีตามร้านหนังสือทั่วประเทศ จากนั้นก็ตอกย้ำความสำเร็จด้วย "The Devil of Nanking" หรือ "เดรัจฉานแห่งนานกิง" ซี่งสามารถสร้างความฮือฮาให้กับตลาดนิยายสืบสวนสอบสวนได้ไม่แพ้กัน
งานเขียนของ Mo Hayder นั้นมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร การเล่าเรื่องของเธอแฝงไว้ด้วยความดุดัน โหดเหี้ยม แถมยังท้าทายต่อมศีลธรรมและจิตใจของคนอ่านอย่างถึงที่สุด แต่ขณะเดียวกันก็เข้มข้น เดินเรื่องเร็ว และผูกปมได้อย่างไร้ที่ติ จึงไม่แปลกที่บรรดาสื่อชั้นนำยกย่องให้เธอเป็นนักเขียนอาชญนิยายระดับแนวหน้าของโลกเคียงข้าง Tess Gerritsen Harlan Coben และ Michael Connelly
ยิ่งเมื่อนิยายเรื่อง Gone ได้รับรางวัล Edger Awards ในสาขา "อาชาญนิยายแห่งปี" ประจำปี 2012 ก็ยิ่งตอกย้ำความเป็นเบอร์หนึ่งแห่งยุคของ Mo Hayder มากขึ้นไปอีก
สำหรับผลงานเล่มล่าสุด "The Treatment" หรือในชื่อภาษาไทยว่า "นิทานกล่อมตาย" สารวัตร แจ๊ค แคฟเฟอรี ต้องกลับมาสืบคดีสุดท้าทายอีกครั้ง เมื่อมีเด็กชายหายตัวไปอย่างเป็นปริศนา และตำรวจได้เบาะแสแรกว่าเป็นฝีมือของ "ปีศาจโทรลล์" สัตว์ประหลาดในจินตนาการของเด็กๆ ด้วยความสมบูรณ์แบบในการสร้างตัวละครและชั้นเชิงในการผูกเรื่อง เรื่องที่ฟังดูเป็นนิทานหลอกเด็กจึงค่อยๆ มีมูลความจริงมากขึ้นที่ละนิดจนผู้อ่านอาจขนลุกเกรียวโดยไม่รู้ตัว
ลองไปพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าทำไมสื่อทรงอิทธิพลอย่าง The Times ถึงกับยกให้นิยายเล่มนี้เป็น "หนึ่งในสิบอาชญนิยายที่น่าสะพรึงที่สุดเท่าที่เคยมีมา" แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่านี่เป็นนิยายที่ไม่เหมาะกับคนขวัญอ่อนเป็นอย่างยิ่ง แต่จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะแม้แต่คน "ขวัญแข็ง" ก็ยังอาจต้องหยุดเพื่อสูดลมหายใจเป็นพักๆ ก่อนจะพลิกอ่านหน้าถัดไป
น้ำพุสำนักพิมพ์