รายละเอียด : สัจจะวาจา พลังแห่งคำพูดเปลี่ยนชีวิต
สัจจะวาจา พลังแห่งคำพูดเปลี่ยนชีวิต
"เสียง" มีตัวตน มีพลัง มีอำนาจ แต่ไม่อาจมองเห็นคำพูดที่ออกจากปากเรา จึงเต็มไปด้วยอำนาจลึกลับ ที่จะสะท้อนกลับเข้าไปในจิตใจแล้วเกาะกุมหางเสือเรือชีวิตเราอย่างช้าๆ ก่อนพาชีวิต พาจิตใจเราให้หักเหไป ตามถ้อยคำดีร้ายที่ออกจากปากเราเองหลังจากใช้ชีวิตในโลกแห่งการทำงานมานาน ได้พบเจอทั้งเรื่องดีและร้ายมากมายในแต่ละวันทำให้ต้องยอมรับว่าวันเวลาที่ผ่านไป หลายสิ่งที่พบเจอ ทำให้เกิดความเหนื่อยล้า ท้อแท้ และบางทีก็เจ็บปวดหลายคนเลือกทำก็คือ คุยกับเพื่อนสนิทที่เข้าใจ
ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่หนึ่งคน แม้จะอยู่ห่างไกล แต่เรายังติดต่อกันอยู่เสมอ ทุกครั้งที่มีปัญหาเรื่องงาน เรื่องคนหรือเรื่องว้าวุ่นกายใจอื่นๆ เราจะโทรศัพท์คุยกันนานเป็นชั่วโมงๆ นั่นคือถ้าเพื่อนมีปัญหาอัดอั้นตันใจเธอจะโทรมาหาฉันก่อน ถ้าฉันมีปัญหา ฉันก็จะเป็นฝ่ายโทรหาเพื่อนก่อนเลยกลายเป็นว่า เราทั้งคู่คุยกันแทบทุกวัน เกี่ยวกับความทุกข์ ปัญหาที่พบเจอและความวุ่นวายรายวันที่น่าเบื่อ เราต่างถ่ายเทความทุกข์ให้กันและกัน ผ่านถ้อยคำนับหมื่นนับพัน มาเป็นเวลานานนับปี
จนเวลาผ่านไป จึงได้สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างนั่นคือเราคุยกันมาแบบนี้ทุกวัน กับเรื่องเดิมๆ ปัญหาเดิมๆ แม้เวลาผ่านมาหลายปี โลกนี้มีเรื่องราวใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายแต่เราสองคน กลับยังคงติดอยู่ในวงจรเดิมๆ กับปัญหาชีวิต ที่ก่อให้เกิดความทุกข์แบบเดิมๆ สรุปว่าที่นั่งบ่นกันมาเป็นปีๆ นอกจากค่าโทรศัพท์ที่ต้องจ่ายแพงขึ้นทุกเดือนแล้ว ชีวิตเราสองคนยังคงย้ำอยู่กับที่ นั่นแหละฉันจึงเริ่มรู้สึกตังและคิดว่าควรเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง เพื่อเปลี่ยนแปลงบางด้านของชีวิต
สารบัญ : สัจจะวาจา พลังแห่งคำพูดเปลี่ยนชีวิต
เนื้อหาปกหลัง : สัจจะวาจา พลังแห่งคำพูดเปลี่ยนชีวิต
สัจจะวาจา พลังแห่งคำพูดเปลี่ยนชีวิต
สร้างพันธะสัญญากับจิตด้วยการคิดก่อนพูด
- เปลี่ยนคำพูด เปลี่ยนชีวิต ปรับจิตจากภายใน
- กลบหลุมพรางในหัวใจ "เปลี่ยนคำถาม" ให้ "เป็นคำตอบ"
- ไฟล์ขยะในหัวใจ บ่อเกิดแห่งวาจาที่ร้ายกาจ
- ปากดีปากร้าย คุณอยากปลูกดอกไม้หรือตอกตะปู
- ปลูกต้นรักด้วยมธุรสวาจา วิธีใช้คำพูดสานสัมพันธ์ให้มั่นคง
- วิธีพูดกับตัวเองอย่างสร้างสรรค์ ผลักดันชีวิตให้ก้าวข้ามทุกปัญหา
- ถ้าต้องการผลประโยชน์จากใคร จงใช้คำพูดให้อีกฝ่ายได้เปรียบคุณหนึ่งขั้น
- วิธีพลิกใจให้เปี่ยมพลัง เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางคนวาจาร้ายกาจ
- ก้าวข้ามความเจ็บปวด เมื่อถูกถามที่คุณไม่อยากตอบ
- อำนาจลึกลับ ที่ทำให้เราพร่ำบ่น ด้วยคำพูดแง่ลบ
รีวิวโดยผู้เขียน : สัจจะวาจา พลังแห่งคำพูดเปลี่ยนชีวิต
สัจจะวาจา พลังแห่งคำพูดเปลี่ยนชีวิต
"จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว คำพูดของเรา คือผู้บงการจิตใจ" สิ่งหนึ่งที่ฉันเชื่อมั่นอยู่เสมอ นั่นก็คือคนเราทุกคนต่างก็เกิดมาพร้อมดวงจิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความดีงามเท่ากันไม่มีใครคนไหนในโลก ถูกตีตราบนหน้าผากว่าเป็นคนอย่างไร แม้ต้นทุนชีวิตเราจะต่างกันตามชาติกำเนิด เกิดเป็นโอกาสที่ต่างกัน แต่ต้นทุนทางจิตใจเราเท่าเทียมกันนั่นคือความว่างเปล่า วันเวลาและการเดินทางของชีวิตจากเล็กจนโตเราจะถูกสะสม บ่มเพาะ ความดีงาม ความร้ายกาจ แตกต่างกัน และจะเริ่มต่างกันอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ตามระยะทางและสิ่งที่พบเจอระหว่างทาง
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกอยู่อย่างหนึ่งนั่นก็คือเมื่อชีวิตเริ่มต้น เราอ่อนแอ บอบบาง แต่ขณะเดียวกัน เราแต่กลับเข้มแข็งในความชัดเจน ของความต้องการ ในวัยเด็กเราจะมีโลกส่วนตัวเป็นของตัวเอง เพื่อเรียนรู้ เติบโต ลองผิดลองถูก พร้อมสุขทุกข์อยู่กับปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่าพวกเด็กๆ มักชัดเจนกับความต้องการของตัวเองอยู่เสมอ เป็นเหตุให้เราว่าพวกเขาว่าเอาแต่ใจ แต่ความจริงแล้ว พวกเด็กๆ ก็แค่รู้จักยอมรับและปฏิเสธอย่างรักตัวเอง ในแบบของเด็กๆ เราจึงรู้สึกว่าเขาดื้อ พูดไม่เชื่อฟังยิ่งว่ายิ่งยุ พอเราโกรธ เด็กก็ถูกตี พอตีเด็กเราก็เศร้าใจสุดท้ายจึงลงเอยด้วยความเจ็บปวดทั้งสองฝ่าย
รีวิวโดยสำนักพิมพ์ : สัจจะวาจา พลังแห่งคำพูดเปลี่ยนชีวิต
สัจจะวาจา พลังแห่งคำพูดเปลี่ยนชีวิต
"ทุกคำพูดออกมาคือพันธะสัญญากับตัวเอง" หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า "ดีร้ายอยู่ที่ปาก" ซึ่งแฝงความหมายที่ลึกซึ้ง เพี่อสอนให้เรารู้สึกตัวและคิดก่อนพูด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจงพูดแต่สิ่งดีๆ พูดแต่คำที่ไพเราะรื่นหู และมีความหมายเป็นมงคลเข้าไว้ แม้ในยามที่ชีวิตตกอยู่ท่างกลางวิกฤติยิ่งต้องควบคุมจิตใจให้หนักแน่น ไม่ปล่อยให้ใจไหลไปตามสถานการณ์นั้นๆ และพ่น "วจีทุจริต" ออกมาทำร้ายตัวเองและผู้อื่นเพราะผู้ที่ต้องรับผลร้ายนั้นไปเต็มๆ คือตัวเราเป็นคนแรก ในเวลาที่เราด่า บ่น พูดว่าส่อเสียด ล้อเลียน ด้วยถ้อยคำที่ร้ายกาจ
แม้ไม่ได้ตั้งใจ และไม่ได้หมายความตามที่พูดจริงๆ เพราะทุกคำที่พูดออกมา เป็นไปด้วยอารมณ์โกรธพอหายโกรธเราก็ลืมมันไป ไม่ว่าจะเป็นการว่าตัวเองเมื่อไม่พอใจตัวเอง หรือว่าคนอื่น เมื่อคนอื่นทำให้เราไม่พอใจวาจาจะร้ายกายมากขึ้นไปตามอารมณ์โกรธที่เพิ่มขึ้น จนทำให้เราลืมไปว่า สิ่งที่ออกจากปากเรา ตัวเราคือคนแรกที่ได้ยิน นั่นคือเราได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นตั้งแต่ยังไม่ได้พูดออกมาด้วยซ้ำ
คำพูดจะเปล่งออกมาจากคำสั่งของสมอง ผ่านการกลั่นกรองจากจิตใจ ก่อนเปล่งออกไปเป็นเสียงที่ใช้สื่อความหมาย เราจะได้ยินก่อน รับรู้ก่อนจากจุดเริ่มต้นที่อยู่ลึกลงไปในตัวเรา ตกกระทบใจเราเป็นคนแรก ก่อนวิ่งไปเข้าหูคนอื่น ถ้าพูดไม่ดีถ้อยคำร้ายกาจเหล่านั้นจะทำร้ายจิตใจเราก่อน ก่อนที่จะพุ่งออกไปทำร้ายคนอื่น พลังแง่ลบจากวจีทุจริต จะทำให้จิตใต้สำนึกรับรู้ว่าเป็นภารกิจที่ต้องปฏิบัติ และเขียนพิมพ์เขียวชีวิตเราตามสิ่งที่รับรู้ เหมือนเป็นพันธะสัญญาที่ต้องทำให้ลุล่วงมันจะคอยบงการชีวิตเราอยู่ภายใน เช่น ส่งความทุกข์ ความวุ่นวาย ความล้มเหลวมาตามคำที่เราบ่นแบบไม่ได้ตั้งใจ