รายละเอียด : จากสาวโรงงานสู่ตำแหน่งผู้พิพากษา
จากสาวโรงงานสู่ตำแหน่งผู้พิพากษา
ชีวิตคือการเดินทางที่แสนไกล บางครั้งเมื่อฉันมองย้อนกลับไปก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าฉันเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ชีวิตของฉันเริ่มต้นที่หมู่บ้านเล็กๆ บนภูเขาแห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคอีสานตอนบน หมู่บ้านนี้มีชื่อว่า บ้านทุ่งเทิง ตำบลโป่ง อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย คำว่า เทิง เป็นภาษาไทเลย แปลว่า "บน" ทุ่งเทิงจึงหมายถึงทุ่งนาที่อยู่บนภูเขา คนในแถบนั้น เมื่อได้ยินชื่อหมู่บ้านทุ่งเทิง ก็ต้องจินตนาการว่า หมู่บ้านนี้อยู่กลางหุบเขา รถเข้าไม่ถึงกันดารมากๆ
ในความรู้สึกของฉันตั้งแต่จำความได้ หมู่บ้านทุ่งเทิง ก็ไม่ได้กันดารเท่าที่คนอื่นคิดนะ มีหมู่บ้านข้างเคียงกัน ที่อยู่ลึกเข้าไปกลางหุบเขารถเข้าไปไม่ถึงอีกหลายหมู่บ้าน หมู่บ้านทุ่งเทิงของฉันตั้งอยู่ห่างจากถนนสายภูเรือ-หล่มสัก ประมาณ 3 กิโลเมตร ใกล้เขตติดต่อระหว่างอำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ กับอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย คนในหมู่บ้านของฉัน รับข้อมูลข่าวสารจากทางเพชรบูรณ์มากกว่าด่านซ้ายสมัยฉันเด็กๆ คนจะหยุดทำไร่ทำนา ทุกวันพระ (ขึ้น 15 ค่ำ) คนในหมู่บ้านจะไปซื้อของที่ตลาดในอำเภอหล่มเก่า หรือหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ทั้งหมู่บ้านมีรถยนตร์ 1 คัน เช้าวันพระ รถยนตร์คันนี้จะขับไปรอบหมู่บ้านบีบแตร เชิญชวนให้คนในหมู่บ้านไปเที่ยวตลาด ถนนจากหมู่บ้านไปถึงถนนสายเลย-หล่มสักเป็นถนนทางลูกรัง หากช่วงไหนฝนตก รถยตร์ก็จะไม่สามารถขับขึ้นเนินเขาได้คนในรถต้องช่วยกันเข็นรถขึ้นเนินเขากัน
ยายฉันเล่าให้ฟังว่า ยายเป็นคนพื้นที่อื่นไม่ได้เกิดที่บ้านทุ่งเทิง เมื่อยานแต่งงานกับตาใหม่ๆ ตาก็พายายย้ายออกจากหมู่บ้านเดิมไปสร้างบ้านและทำไร่ทำนาอยู่บริเวณที่อุดมสมบูรณ์กับเพื่อนบ้านคนอื่นๆ พอเกิดโรคระบาดมีคนตาย ตากับยายและคนอื่นๆ ก็จะพากันย้านถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น ตากับยายก็ย้ายมาหลายที่จนกระทั่งย้ายมาอยู่ที่บ้านทุ่งเทิง พออยู่ไปสักพักก็เกิดโรคระบาดขึ้นในหมู่บ้านมีคนเป็นโรคฝีดาษ ตายไปหลายคน คนในหมู่บ้านปรึกษากันว่าจะย้ายหมู่บ้านกันเหมือนเคย แต่ตาของฉันประกาศว่าตาจะไม่ย้ายไปไหน ตาจะตั้งรกรากที่นี่ เมื่อตาไม่ย้าย คนอื่นๆ ก็ไม่ย้ายไปด้วย
ตอนนั้นตาได้รับเลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้านทุ่งเทิง และบ้านของฉันก็เป็นบ้านเลขที่ 1 ประจำบ้านทุ่งเทิง ยายเล่าว่าสมัยก่อนตาต้อง "เดิน" ไปประชุมผู้ใหญ่บ้านที่อำเภอด่านซ้าย ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 วัน คนในหมู่บ้านของฉัน ต่างพากันจับจองที่ดินไว้เพื่อปลูกข้าวไร่ไว้กินปลูกฝ้ายไว้เพื่อทำเป็นเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มปลูกผักเลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ไว้เป็นอาหาร ตาจับจองที่ดินจำนวนหนึ่งไว้เพื่อให้ลูกหลานได้ทำกินในอนาคตนอกจากนี้ตายังได้หวงกันที่ดินส่วนหนึ่งไม่ให้คนอื่นเข้ามาตัดฟันต้นไม้ เพื่อให้เป็นป่าต้นน้ำของที่ดินข้างเคียง ปัจจุบันป่าไม้ที่ตาหวงกันไว้ กลายเป็นป่าใหญ่ และเป็นแหล่งต้นน้ำของบริเวณนั้น เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฉันอดภูมิใจไม่ได้ที่เกิดเป็นหลายของตา
นับแต่ฉันจากบ้านทุ่งเทิงไปเป็นสาวโรงงานจนถึงปัจจุบัน ฉันมักจะกลับไปเยี่ยมบ้านทุ่งเทิงในวันปีใหม่แทบทุกปี ในวันปีใหม่เด็กๆ ที่หมู่บ้านตั้งหน้าตั้งตานับวันรอฉันอยู่ ฉันจัดงานฉลองปีใหม่ที่บ้าน ประกาศให้เด็กๆ ในหมู่บ้านนำของขวัญปีใหม่มาจับฉลากแลกของขวัญกัน ฉันก็เตรียมขนมไว้ให้เด็กๆ และจัดของขวัญพิเศษอีกชุดหนึ่งไว้ให้ทุกคนจับฉลาก เด็กๆ จะได้ของขวัญพิเศษทุกคน แต่จะไม่เหมือนกัน ต้องลุ้นว่าใครจะโชคดีได้ของขวัญพิเศษที่ถูกใจหรือเปล่า ถ้าไม่ถูกใจก็ไปแลกกันเอง วันปีใหม่แต่ละปีของฉันจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของผู้ร่วมงานทุกคน ยายของฉันแม้จะขึ้บ่นแต่ก็เป็นคนมีน้ำใจชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ยายจึงเป็นที่รักและเคารพของลูกหลาน และคนในหมู่บ้าน
แม้ยายจะจากไปนานแล้ว แต่เวลาฉันกลับบ้านทุ่งเทิง ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นเพื่อนของยายจะมาช่วยกันเย็บบายศรีสู่ขวัญให้ฉัน พวกเขารักยายจึงเผื่อแผ่ความรักมาให้ฉันในฐานะหลานของยายด้วย ในวันปีใหม่ฉันมักจะไปซื้อยาหม่องโอสถทิพย์ ยาหม่องเสลดพังพอน ยาหม่องไพลสด ยาลมแถวท่าพระจันทร์ ไปฝากคนในหมู่บ้าน พวกเขาบอกว่าคนเฒ่าคนแก่มักจะปวดหลัง ปวดเอว หรือเป็นลมอยู่เสมอ
สารบัญ : จากสาวโรงงานสู่ตำแหน่งผู้พิพากษา
เนื้อหาปกหลัง : จากสาวโรงงานสู่ตำแหน่งผู้พิพากษา
จากสาวโรงงานสู่ตำแหน่งผู้พิพากษา
บางส่วนของคำนิยม "วันนี้มีโอกาสรู้จักตัวตนของท่านอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง ผ่านตัวอักษรจากปลายปากกาของท่าน เมื่อผมอ่านต้นฉบับจบ หากมีคำพูดอะไรที่มากว่าคำว่า "สุดยอด" ผมอยากจะใช้คำนั้นครับ เพราะหนังสือเล่มนี้มีส่วนของการต่อสู้ชีวิตในอดีต หลัการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน และที่ขาดไม่ได้ คือแบบอย่างสำหรับผู้ไขว่คว้าหาความฝันในอนาคตตลอดจนแง่คิดสำหรับผู้หลงทางที่ยังเวียนว่ายอยู่ในแวดวงกฏหมาย ดังสุภาษิตจีนกล่าวว่า "เราจะรู้เส้นทางข้างหน้าลำบากอย่างไร ให้ถามคนที่ไปมาแล้ว"
รีวิวโดยผู้เขียน : จากสาวโรงงานสู่ตำแหน่งผู้พิพากษา
จากสาวโรงงานสู่ตำแหน่งผู้พิพากษา
จุดเริ่มต้นหนังสือเล่มนี้สืบเนื่องมาจากผู้เขียนได้เปิดเพจธรรมะกับกฏหมายในเฟซบุ๊ก เพื่อแนะนำคนใกล้ตัวให้นำธรรมะมาปรับใช้ในการเรียนกฏหมายและการดำเนินชีวิต ต่อมาได้เขียนบทความประสบการณ์การสอบเป็นผู้พิพากษาของตัวเอง โพสต์ลงในเพจเพื่อเป็นกำลังใจแก่ผู้ที่กำลังเตรียมตัวสอบกฏหมายในสนามต่างๆ ปรากฏว่าได้รับความสนใจเป็นอันมากมีการส่งต่อบทความกันอย่างแพร่หลาย
จนกระทั่งรายการเจาะใจได้มาติดต่อขอสัมภาษณ์ผู้เขียน หลังรายการออกอากาศปรากฏว่ามีเสียงสะท้อนกลับมาว่า หลายคนได้รับกำลังใจและแรงบันดาลใจ จากเรื่องราวในชีวิตของผู้เขียน และมีหลายคนให้ความสนใจขอคำแนะนำในการเรียนกฏหมายจากผู้เขียน และแนะนำให้ผู้เขียนรวมรวมเรื่องราวในชีวิตไว้เป็นหนังสือ เพื่อให้ผู้สนใจได้รับกำลังใจจากการอ่านหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนจึงได้นำบทความเกี่ยวกับประวัติชีวิตตัวเองตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และคำแนะนำในการเรียนกฏหมาย ที่เคยโพสต์ในเพจธรรมะกับกฏหมาย มาเรียบเรียงและขยายความเป็นหนังสือเล่มนี้ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และข้อคิดดีๆ ที่ได้จากการดำเนินชีวิตให้เป็นกำลังใจให้กับอีกหลายคนที่เกิดมาแล้วไม่พร้อมเหมือนกับผู้เขียน ขอให้มุ่งมั่นและก้าวเดินต่อไปหนทางแม้อาจจะลำบากแต่ถ้าหากเราไม่ย่อท้อและเอาชนะใจตังเองได้ เราก็จะเป็นคนที่สามารถลิขิตชีวิตตัวเอง
หากหนังสือเล่มนี้มีประโยชน์แก่ผู้สนใจอยู่บ้าง ผู้เขียนขอมอบความดีให้แด่บิดามารดา ครูบาอาจารย์ ตลอดจนผู้มีพระคุณทุกท่าน หากมีข้อบกพร่อง ผิดพลาดประการใดผู้เขียนขอรับไว้แต่ผู้เดียว
ลัดดาวรรณ หลวงอาจ