รายละเอียด : กว่าจะมาเป็นไร่ปลูกรัก LOVE'S GARDEN
กว่าจะมาเป็นไร่ปลูกรัก LOVE'S GARDEN
อยู่ไปวันๆ เคยไหมที่คุณรู้สึกเช่นนี้ ในวัยเรียนผมก็ไม่ต่างจากเด็กทั่วๆ ไป ใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่ได้คิด ไม่ได้คาดหวังหรือตั้งใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ประสบความสำเร็จ ไม่ได้เป็นเด็กเรียนดี หรือ กิจกรรมเด่น เป็นตัีวแทนนักเรียนหรือดาวเด่นของโรงเรียนอย่างใครๆ แต่จะว่าไปผมก็ไม่ได้หัวขี้เลื่อย เรียนไม่รู้เรื่อง บทจะเอาจริงเอาจังขึ้นมาก็ทำคะแนนติดอันดับต้นๆ กับเขาได้เหมือนกัน คณิตศาสตร์ พิสิกส์ เคมี สลับกันไปตามแต่ความสนใจในขณะนั้น บางวิชาได้คะแนนดี บางทีก็ร่วงลงไป เป็นอยู่อย่างนั้น ซึ่งก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ช่วงไหนที่คะแนนดีเกินคาด มีงงด้วยซ้ำว่าได้คะแนนดีมาได้อย่างไร เพราะใช้ชีวิตเป็นเด็กวัยรุ่น มีเกเรบ้าง เรียนบ้าง เที่ยวเล่นบ้างไปตามประสาวัยรุ่น วัยคะนอง และไม่เคยรู้ว่า ตนเองชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
ถ้าวัดผลความสำเร็จทางการศึกษาด้วยการเอนทรานซ์ผมก็อยู่ในกลุ่มรั้งท้าย ไม่ได้มีเป้าหมายหรือความท้าทายในชีวิตแต่ประการใด ลงท้ายด้วยการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเปิด พื้นที่ให้อิสระกับผมมาก อาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำ การดำเนินชีวิต ณ ขณะนั้น เรียกได้ว่าใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่มีแก่นสารสาระใดๆ อิสระของการเรียนในมหาวิทยาลัยเปิด คือ จะเข้าเรียนไม่เข้าเรียน ก็แล้วแต่เรา ตัวเราต้องกำหนดเอง ผมก็เข้าบ้างไม่เข้าบ้าง ไปเรียนบ้่างไม่เรียนบ้าง ถึงเวลาสอบก็ไปสอบ จบมาก็คงต้องหางานทำ เป็นมนุษย์เงินเดือนมั้ง ก็ในเมื่อเลือกเรียนเศรษฐศาสตร์ และครอบครัวไม่ได้มีต้นทุนธุรกิจอะไร ครรลองชีวิตก็คงดำเนินไปอย่างนั้น
นั่นเป็ีนความรู้สึกก่อนที่ผมจะเจอกับป้ายประกาศเล็กๆ บนกระดานประชาสัมพันธ์ในรั้วมหาวิทยาลัยรามคำแหง สายตาที่ไปสะดุดกับข้อความสั้นๆ บนกระดาษเล็กๆ เพียงแผ่นเดียวที่แทรกอยู่ท่ามกลางข้อความเชิญชวนมากมาย "........ฟรี" "เฮ้ย ฟรี เว้ยเฮ้ย ชอบๆ ไปๆ" สมองสั่งการเดี๋ยวนั้นเพราะคำเชิญชวนระบุไว้ว่า ใครสนใจไปได้ ฟรีตอนหกโมงเย็นวันนี้ ส่วนข้อความอื่นที่ปรากฏอยู่ไม่ได้สนใจ ไม่รู้ว่าคืออะไรต้องทำอะไร หรือต้องไปเจอกับใคร ในสมองคิดแค่นั้น ตัดสินใจฉับพลัน เดี๋ยวไปลองดูก็รู้เอง
แล้วก็ได้รู้เต็มๆ เลยครับ รู้ว่าไม่มีใครสนใจเลยนอกจากผมคนเดียว 5555 เอาล่ะสิ ว่างมาก อิสระมาก ไม่มีอะไรจะทำไหนๆ ก็ไหนๆ มาแล้ววันนั้นในห้องแถวเล็กๆ ย่านรามคำแหง ผมได้พบกับคนไทย 1 คน และชายชาวต่างชาติหนวดเฟิ้ม 1 คน ชวนให้นั่งสมาธิ และสอนให้ทำท่าทางแปลกๆ แล้วยังเล่นกีต้าร์ร้องเพลงแปลกๆ ให้ฟัง เอาล่ะสิ เจอของแปลกเข้าแล้วไง การได้พบสิ่งแปลกใหม่ในวันนั้น ช่วยเปิิดโลกทัศน์ผมให้รู้จัก "ตัวตน" ของตนเองด้วยการฝึุกพัฒนากาย ใจ และจิตวิญญาณ หรือศาสตร์แห่งโยคะเป็นครั้งแรก
1 สัปดาห์หลังจากนั้น ผมได้นำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากชายชาวต่างชาติคนนั้นมาลองฝึกปฏิบัติ ลองนั่งสมาธิ ฟังบทเพลงมันตรา ทบทวนท่าอาสนะต่างๆ ที่ได้เรียนรู้มา ทำทุกวันตลอด 1 สัปดาห์เต็ม น้องสาวซึ่งคลานตามกันมา เห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของตัวผม แม้จะงงๆ ปนสงสัยอยู่บ้างก็ตามที จะว่าไปคิดว่าลึกๆ แล้วผมคงอยากหาคำตอบให้ตัวเองเหมือนกัน คนเราต้องมีอะไรผลักดันศักยภาพตนเองได้ ไม่ใช่อยู่ไปวันๆ อย่างนี้
สารบัญ : กว่าจะมาเป็นไร่ปลูกรัก LOVE'S GARDEN
เนื้อหาปกหลัง : กว่าจะมาเป็นไร่ปลูกรัก LOVE'S GARDEN
กว่าจะมาเป็นไร่ปลูกรัก LOVE'S GARDEN
"ต้องอดทน" คาถาที่ต้องท่องไว้จนขึ้นใจ ใครคิดจะเป็นมือใหม่ ทางการเกษตรขอเตือนไว้เลยครับ จะได้เตรียมใจแต่เนิ่นๆ ถ้าคุณคิดว่าแนวทางเกษตรกร คือ "สิ่งที่ใช่" หรือความรู้สึกในใจบอกกับคุณว่า หาเจอแล้ว หรือว่ามันลางๆ แต่น่าจะใช่
"ตั้งใจจริง" เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ข้างในต้องบอกตัวเองสักนิดหนึ่ง และต้องบอกตัวเองเรื่อยๆ บอกจนไม่ต้องบอก บอกเราคิดว่าใช่ เมื่อเจออุปสรรคอะไร เราก็จะมีความ "มั่นคงจากข้างใน" มากขึ้น มันจะค่อยๆ แก้ปัญหาไปได้เองในที่สุด
รีวิวโดยผู้เขียน : กว่าจะมาเป็นไร่ปลูกรัก LOVE'S GARDEN
กว่าจะมาเป็นไร่ปลูกรัก LOVE'S GARDEN
ผมเริ่มทำไร่ปลูกรักตอนอายุ 28 ในปี พ.ศ.2543 จนถึงปีนี้ 2556 ผ่านไป 16 ปี อายุ 44 ปี และอีก 16 ปีจากนี้ไปผมก็จะมีอายุเข้าวัยเกษียณ 60 ปีพอดี ปีนี้จึงเป็นปีสำคัญกิ่งกลางชีวิตทำงานในไร่ปลูกรัก การเริ่มต้นชีวิตเกษตรกรอย่างเต็มตัวเป็นสิ่งที่ไม่ได้วางแผนไว้ตั้งแต่เริ่มต้น แต่ก็ไม่ได้เป็นสิ่งแปลกปลอมสำหรับชีวิตผมมากนัก เพราะชีวิตวัยเด็ก ผมอยู่ต่างจังหวัดที่ยังมีธรรมชาติประจวบกับครอบครัวรับราชการเกี่ยวข้องกับป่าไม้ จึงทำให้ได้มีโอกาสในช่วงปิดเทอมของทุกปีได้เดินป่าเก็บเมล็ดพันธุ์พืชมาเพาะกล้าแจกจ่าย กลิ่นหอมไอดินยามฟ้าหลังฝนตก นกกาบินกลับรัง กลิ่นโคลนสาบวัวควายที่กำลังเดินยามใกล้ค่ำ
จวบจนได้รับการศึกษาในระดับมัธยมเป็นต้นมา ชีวิตเริ่มห่างจากธรรมชาติ เพราะเน้นเรียนรู้วิชาการ สอบแข่งขันเพื่อให้เป็นไปตามความคาดหวังของครอบครัว ผมไม่เคยตระหนักรู้ว่ามีบางสิ่งที่สวยงามได้ฝังรากลึกอยู่ในใจเสมอมา จวบจนได้มีโอกาสสร้างไร่ปลูกรัก ไร่ปลูกรักในอีก 16 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร วิถีไร่ปลูกรักในช่วง 16 ปี แรกหัวใจสำคัญคือการทำเกษตรอินทรีย์เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของที่ดิน การปลูกพืชผักและแปรรูปสินค้าออร์แกนิก บ่มเพาะเด็กๆ และครอบครัวในกิจกรรม Organic Family Day, Organic Happy Day, เทศกาลไร่ปลูกรัก Organic Boutique Festival, Organic Trade&Trend, Organic Acoustic Music, Organic Consultant และ กิจกรรมปลูกผักปลูกคน กิจกรรมเหล่านี้ ไร่ปลูกรักได้ทำให้มีมิติเชื่อมโยงกับสังคมไทย
ผมหวังว่าจะมีครอบครัวออร์แกนิกที่จะยกระดับการบริโภคอาหารอินทรีย์อันเชื่อมโยงกับการยกระดับมาตรฐานทางการเกษตรเพื่อลดช่องว่างวิถีคนเมืองและคนชนบทด้วยความเกื้อกูลกัน
กานต์ ฤทธิ์ขจร