รายละเอียด : วิมานมธุรส
วิมารมธุรส
การแต่งงานคือโซ่ตรวนที่จะจองจำเราทั้งคู่เอาไว้ด้วยกัน "เรามาแต่งงานกันเถอะค่ะ" คำพูดเรียบๆ จากหญิงสาวที่นั่งประจันหน้ากันทำให้ "หันตรา ศิรากานต์" สำลักกาแฟร้อนๆ ที่เขาเพิ่งยกแก้วขึ้นจิบทันที แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจหยดน้ำสีน้ำตาลเข้มที่กระฉอกออกมาลวกมือให้แสบร้อนแต่อย่างใด ความสนใจของเขาตอนนี้พุ่งตรงไปยังใบหน้าหมดจดล้อมกรอบด้วย ผมหยิกหยักศกที่มัดเอาไว้หลวมๆ ของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา สีหน้าของเธอเรียบสนิทเหมือนที่เคยเป็นมาเสมอ หันตราอยากจะค้นเข้าไปให้ลึกถึงก้นบึ้งในหัวใจของเธอนัก เหตุใด "มธุรส รัศมี" จึงกล้าเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาต่อหน้าเขา
ชายผู้ซึ่งไม่ได้เป็นคนรักของเธอ ไม่ได้เป็นแม้กระทั่งคนที่ชอบพอหรือคบหาดูใจกับเธอด้วยซ้ำ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอยังคงสถานะเดิมเช่นในคราแรกที่ได้พบหน้ากันเมื่อสามปีก่อน ในวันที่มธุรสตัดสินใจเซ็นสัญญางานเขียนนิยายเรื่องแรกกับสำนักพิมพ์ของเขา บรรณาธิการกับนักเขียน เรื่องตลกวายป่างชนิดไหน ที่แม่สาวอารมณ์ศิลป์คนนี้นำมาล้อเล่นกับเขากันแน่ หรือเธอแค่ต้องการบิลด์อารมณ์สำหรับนิยายเรื่องใหม่? โปรเจกต์ยักษ์ของสำนักพิมพ์ที่ผู้จัดละครต่อสายตรงมาขอไปทำละครต่อจากเรื่องที่แล้ว ซึ่งสามารถสร้างเรตติงถล่มทลายพาดาราหน้าใหม่ให้โด่งดังเพียงชั่วข้ามคืนแบบยกเซต
ดวงตาคมดุหรี่ลงอย่างคนที่เจนจัดในสนามธุรกิจมามากมาย ในเวลานี้หันตราแทบไม่สนใจใครอื่นเลยนอกจากหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้น ลืมสิ้นแม้กระทั่งสัญญาลิขสิทธิ์ที่เขานำมาจากสำนักพิมพ์เพื่อให้เธอเซ็นในร้านกาแฟอินดี้แห่งนี้ ทว่า สิ่งที่น่าตกใจกว่าก็คือ เขาไม่พบร่องรอยของการล้อเล่นจากสีหน้าและแววตาของมธุรสเลยแม้แต่น้อย โลกทั้งใบหมุนวนรอบตัวเขาและเธอ พัดพาใครคนอื่นที่อยู่รายรอบกายภายในร้านกาแฟเล็กๆ แสนน่ารักออกไปไกลห่าง ช่างเป็นเวลานาทีที่แสนยาวนานในความรู้สึกของคนทั้งคู่ แม้ว่าในความเป็นจริงมันจะเป็นเวลาแสนสั้นแค่ชั่ววินาทีเท่านั้นก็ตาม
เนื้อหาปกหลัง : วิมานมธุรส
เพราะอิสระที่เธอใฝ่หามาทั้งชีวิตทำให้ มธุรส รัศมี ยื่นข้อเสนอกับ หันตรา ศิรากานต์ นักเขียนสาวถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวหนังสืออย่างไหลลื่น ราวกับได้โลดแล่นในโลกภายนอกดังใจนึก ทว่าความจริงแล้ว เธอกลับถูกกักกันอยู่ในวงล้อมแห่งรักของคำว่าครอบครัว บรรณาธิการหนุ่มเป็นความหวังเดียวที่จะพาเธอออกสู่โลกกว้าง โดยไม่เคยคิดเลยว่าพันธะวิวาห์ที่เธอได้ยื่นมันให้แก่เขา อาจจะจองจำเธอไปทั้งชีวิตเช่นกัน
รีวิวโดยผู้เขียน : วิมานมธุรส
เพราะอิสระที่เธอใฝ่หามาทั้งชีวิต ทำให้มธุรสจำต้องกระโดดเข้าสู่พันธะบทใหม่ที่อาจจองจำเธอไปทั้งชีวิตเช่นกัน วิมานมธุรส เริ่มต้นด้วยประโยคนี้เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555 ในเวลานั้น "ระฆังเงิน" เปิดเรื่องด้วยประโยคเพียงประโยคเดียวทิ้งเอาไว้ แต่เนื่องจากกำลังติดภารกิจเขียนนิยายเรื่องอื่นอยู่ จึงพัก วิมานมธุรสเอาไว้ชั่วคราว จนกระทั่งปี 2557 จึงเริ่มกลับมาเขียนนิยายเรื่องนี้อีกครั้งด้วย ความตั้งใจที่จะต่อพลอตจากประโยคที่เคยเขียนทิ้งค้างเอาไว้ สร้างเรื่องราวต่อเติมชีวิตของตัวละครหลักคือ "มธุรส" "หันตรา" และครอบครัวของทั้งคู่ด้วยความรู้สึกที่อยากเขียนนิยายที่เบาสบาย อ่านง่าย และไม่หน่วงเหมือนกับนิยายรักโรแมนติก-ดราม่าอย่าง ห้วงรัก โดยที่ยังคงมีความเป็นนิยายรักในแบบฉบับของ "ระฆังเงิน" นั่นก็คือความเป็นนิยายครอบครัวที่หวังใจให้ทุกท่านอ่านแล้วรู้สึกแอบยิ้มตามความน่ารักและแสนดีของตัวละครในเรื่อง โดยเฉพาะ "หันตรา" และ "มธุรส" ขณะเดียวกันก็อดใจให้แก่ "กานต์" "เมธ" และ "วาดจันทร์" ไม่ได้ยิ้มไปกับความรักของพ่ออย่าง "นายภากร" แม่อย่าง "นางระริน" และแม่สามีที่แสนดีอย่าง "นางมินตรา"
มธุรส ถูกโอบล้อมด้วยความรักค่ะ แต่ความรักความห่วงใยที่มากไปก็เป็นปัญหาสำหรับเธอ นั่นทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งอยากติดปีกตัวเองแล้วโผบินไปสู่โลกกว้าง โดยไม่รู้เลยว่าผู้ชายที่เธอเลือกให้เป็นลมใต้ปีกพาเธอโบยบินไปนั้นค่อยๆ นำพาตัวเขาเข้ามาอยู่ในชีวิตและวางตัวเองเป็นทางเลือกเดียวให้แก่เธออย่างแยบยล "หันตรา" คือโลกใบใหม่ เขาสอนให้เธอได้เรียนรู้โลกกว้าง สอนให้รู้จักความรัก เป็นที่พึ่งให้เธอทั้งยามทุกข์และสุข คนสองคนที่ต่างเรียนรู้ชีวิตคู่และประคับประคองครอบครัวทั้งสองครอบครัวให้ก้าวเดินไปด้วยกัน กว่าจะเขียนนิยายเรื่องนี้จบปลายปี 2558 และนำกลับมารีไรต์ใหม่กระทั่งเสร็จสมบูรณ์เป็นรูปเล่มในปี 2559 ถือเป็นการเดินทางที่ยาวนานของ วิมานมธุรส
ระฆังเงิน