รายละเอียด : วิธีปั่นหัวคนด้วยสถิติ (ฉบับปรับปรุง)
วิธีปั่นหัวคนด้วยสถิติ (ฉบับปรับปรุง)
"แถวนี้อาชญากรรมชุกชุมเสียจริง" พ่อตาผมเปรยขึ้นหลังย้ายจากไอโอวามาอยู่ที่แคลิฟอร์เนียได้ไม่นาน ซึ่งก็คงจะจริงถ้าดูจากหนังสือพิมพ์ที่ท่านอ่าน เพราะหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ไม่เคยพลาดข่าวอาชญกรรมไหนในเขตของตัวเองเลย แถมยังเอาข่าวฆาตกรรมที่ไอโอวามาเล่นเสียใหญ่โตกว่าหนังสือพิมพ์ของที่นั่นเสียอีก ข้อสรุปของพ่อตาผมจะถือว่าเป็นสถิติแบบไม่เป็นทางการก็คงไม่ผิดนัก โดยเป็นการสรุปจากตัวอย่างชิ้นหนึ่งที่ไม่เป็นกลางอย่างชัดเจน ซึ่งจะว่าไปก็เหมือนกับบรรดาข้อมูลทางสถิติที่ใช้ประโยชน์จากตัวเลขกำกวมนั่นแหละ เพราะมันทึกทักเอาเองว่าข่าวอาชญากรรมบนหน้าหนังสือพิมพ์เป็นตัวชี้วัดอัตราการเกิดอาชญากรรมได้จริงๆ
ในฤดูหนาวของช่วงต้นทศวรรษที่ 1950 นักวิจัยนับสิบคนได้ทำการสำรวจและรายงานตัวเลขการใช้ยาแก้แพ้ชนิดต่างๆ แต่ละคนล้วนแสดงอัตราส่วนของผู้ใช้ที่หายจากโรคหวัดออกมาสูงลิบ ส่งผลให้เกิดเสียงฮือฮาตามมา (โดยเฉพาะในแง่ของการโฆษณา) ยุคทองของสินค้าเวชภัณฑ์จึงเปิดฉากขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น เหตุผลก็เพราะผู้คนมีความหวังเรื่องยามมหัศจรรย์มาโดยตลอด และพร้อมจะให้ความสำคัญกับตัวเลขสถิติมากกว่าข้อเท็จจริงที่รู้กันมานาน แต่อันที่จริงมันก็คงเป็นอย่างที่เฮนรี จี.เฟลเซน นักเขียนผู้ร่ำรวยอารมณ์ขันซึ่งไม่มีความรู้เรื่องการแพทย์ใดๆ ว่าไว้นั่นแหละครับ "ถ้ารักษาถูกวิธี หวัดจะหายได้ภายในเจ็ดวัน แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ ก็จะเป็นหวัดอยู่อย่างนั้นหนึ้งสัปดาห์"
หลายเรื่องที่คุณเคยอ่านและได้ยินมาก็เช่นกัน พวกค่าเฉลี่ย ความสัมพันธ์ แนวโน้ม และแผนภูมิทั้งหลายไม่ได้เป็นอย่างที่ตาเห็นเสมอไปหรอกครับ พวกมันมีอะไรแฝงอยู่มากกว่านั้น ในโลกที่ให้ความสำคัญกับข้อเท็จจริง ภาษาอันลึกลับของสถิติได้ถูกนำมาใช้กระตุ้นความรู้สึก ต่อเติมเสริมแต่ง สร้างความสับสน หรือทำให้ดูง่ายจนเกินจริง ถึงแม้วิธีการและตัวเลขทางสถิติจะมีความจำเป็นต่อการรายงานข้อมูลจำนวนมหาศาลเกี่ยวกับแนวโน้มทางเศรษฐกิจและสังคม สถานการณ์ทางธุรกิจการสำรวจความคิดเห็น หรือสำมะโนประชากร แต่หากผู้เขียนไม่ได้ใช้สถิติอย่างตรงไปตรงมาหรือขาดความเข้าใจ หรือหากผู้อ่านเองก็ไม่รู้วิธีความ มันก็คงจะเป็นเพียงตัวเลขไร้ความหมายที่นำมาร้อยเรียงกันเท่านั้น
ในงานเขียนเชิงวิทยาศาสตร์สำหรับผู้อ่านทั่วไป ตัวเลขสถิติแบบผิดๆ กำลังเข้ามาแทนที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ในชุดคลุมสีขาวผู้ตรากตรำทำงานหนักในห้องทดลองมืดสลัวโดยไม่สนใจค่าล่วงเวลา เพราะเพียงแต่ "ตอกไข่นิด ใส่สีหน่อย" สถิติก็สามารถทำให้ข้อเท็จจริง "กลายเป็นสิ่งที่มันไม่ได้เป็น" ได้เลยสถิติที่ตกแต่งมาอย่างแนบเนียนนั้นร้ายกาจยิ่งกว่าวาทกรรมอันโด่งดังของฮิตเลอร์ที่ว่าด้วย "การโกหกคำโต" เสียอีก เพราะมันทำให้คนเข้าใจผิด และจะโทษใครก็ไม่ได้ หนังสือเล่มนี้ถือเป็นผู้บุกเบิกในการนำความรู้ทางสถิติมาใช้ปั่นหัวคนอื่น ดูเผินๆ ก็คล้ายกับคู่มือสำหรับเหล่านักต้มตุ๋นทั้งหลายนั่นแหละ ถ้าจะเปรียบให้เห็นภาพผมก็เป็นเหมือนโจรกลับใจที่พยายามถ่ายทอดวิธีการและประสบการณ์สะเดาะกุญแจและย่องเบาในอดีตให้กับผู้อ่านทุกคน เรื่องพรรค์นี้พวกผู้ร้ายเขารู้กันอยู่แล้ว คนดีๆ ทั้งหลายต่างหากครับที่ต้องศึกษาไว้เพื่อป้องกันตัวเอง
สารบัญ : วิธีปั่นหัวคนด้วยสถิติ (ฉบับปรับปรุง)
- กลุ่มตัวอย่างที่ไม่เป็นกลาง
- ค่าเฉลี่ยที่ดิ้นได้
- ตัวเลขที่หายไป
- ตื่นเต้นกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
- แผนภูมิวิเศษ
- ภาพหนึ่งมิติ
- ตัวเลขที่เหมือนจะเกี่ยวข้อง
- การใช้เหตุผลแบบจับแพะชนแกะ
- วิธีปั่นหัวคนด้วยสถิติ
- วิธีรับมือกับสถิติ
เนื้อหาปกหลัง : วิธีปั่นหัวคนด้วยสถิติ (ฉบับปรับปรุง)
หนังสือที่ขายดีถล่มทลายต่อเนื่องยาวนานกว่า 60 ปี ปัจจุบันเป็นยุคที่เราถูกข้อมูลกระหน่ำใส่จากทุกทิศทาง ข้อมูลเหล่านี้ทำให้เราฉลาดขึ้นแต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เราโง่ลงด้วยเช่นกัน นั่นเป็นเพราะมันเปิดช่องให้ใครบางคนใช้ความน่าเชื่อถือของตัวเลขและสถิติต่างๆ มาปั่นหัวเราให้หลงเชื่อ บางครั้งถึงขั้นเชื่อฝังหัวเลยทีเดียว ลองพิจารณาตัวเลขสถิติอันแสนคุ้นเคยเหล่านี้ดู รถยนต์รุ่นประหยัดน้ำมันที่สุด ขับจากเหนือลงใต้ใช้น้ำมันแค่ถังเดียว รับประกันผิวสวยสุขภาพดีขึ้นใน 7 วัน ผู้ทดลองใช้กว่า 90 เปอร์เซ็นต์พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจะกลับมาสใช้อีก แปรงสีฟันที่ทันตแพทย์ส่วนใหญ่เลือกใช้ ศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยมีรายได้เฉลี่ย 53.687.53 บาทต่อเดือน
เบื้องหน้าที่ดูเผินๆ เหมือนน่าเชื่อถือ แต่แท้จริงแล้วกลับแฝงไว้ด้วยเล่ห์เหลี่ยมสารพัดรูปแบบ เพื่อบิดเบือนให้เข้าใจไปในแบบที่สวนทางกับข้อเท็จจริง เพื่อผลประโยชน์ของใครบางคน (ที่ไม่ใช่คุณ) หนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปรู้จักลูกเล่นทางสถิติที่ใช้ปั่นหัวคนกันอย่างแพร่หลาย โดยถ่ายทอดด้วยภาษาที่อ่านเข้าใจง่ายและไม่ต้องอาศัยความรู้ทางคณิตศาสตร์ แถมยังแฝงด้วยมุมมองอันเฉียบคมที่จะช่วยให้คุณวิเคราะห์ตัวเลขและข้อมูลที่ผ่านหูผ่านตาทุกวันได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ทันทีที่อ่านจบ คุณจะมีภูมิคุ้มกันจากเล่ห์กลต่างๆ ที่ผู้อื่นนำมาใช้ปั่นหัวคุณ ในทางกลับกันคุณก็อาจนำกลเม็ดเหล่านี้ไปชักนำผู้อื่นให้คิดไปในทางที่คุณต้องการได้เช่นกัน