รายละเอียด : พิษสวาท (2 เล่มจบ)
พิษสวาท (2 เล่มจบ)
สำหรับ "พิษสวาท" เรื่องนี้ ชื่อเรื่องก็บอกนัยแล้วพิษสงแห่งความรัก พิษร้ายแห่งความพิศวาส อุบล คือดวงวิญญาณที่ทนทุกข์ทรมานด้วยความรักและหน้าที่ "หน้าที่" พิทักษ์ทรัพย์แผ่นดินมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาแตกนานนับศตวรรษ ที่เธอตกอยู่กับอาฆาต แค้นเคือง นับเนื่องศตวรรษ ที่ดวงตาวาววับบ่งบอก รอยรักรอยแค้น รอยอาลัย และความสงสัยในหัวใจว่า ทำไมชายคนรัก ขุนศึกคู่แผ่นดินที่เธอแสนรักและรักเธอ ถึงได้กระทำต่อเธอด้วยความเหี้ยมโหด โดยที่เธอไม่รู้ถึงเหตุผลของการกระทำ วิธีเดียวที่เธอ วิญญาณเธอจะได้การปลดปล่อยไม่ต้องทำหน้าที่ตนไปจนกว่าไฟบรรลัยกัลป์จะแล่นล้างสี่หล้าให้พินาศลงสิ้น นั่นคือ เธอต้องหา "ตัวตายตัวแทน" และอุบล หรือในชื่อ สโรชินี ในเวลาปัจจุบันก็ไม่ปรารถนาใคร นอกจากเขานั้น
"อัคนี" ขุนศึกคู่แผ่นดิน ชายคู่ชีวิตคู่เสน่หาที่เธอรักปานดวงใจ ชายที่ทำไว้กับเธออย่างสาหัสสากรรจ์ "สัญญาแห่งรัก ย่อมผูกพันวิญญาณเรา" เมื่อเราอยู่ในชาติภพของมนุษย์ เราได้สัญญาว่าจะจงรักและภักดีต่อบุรุษหนึ่ง สัญญานั้นย่อมผูกพันวิญญาณด้วย ในขั้นแรก เราคิดว่า รักคือรัก ความรักที่บริสุทธิ์ย่อมต้องได้รับความรักเป็นสิ่งตอบแทน แต่เมื่อความรักแท้กลับได้รับความทุกข์ทรมานตอบสนอง เราจึงพยายามค้นหาความยุติธรรมที่เราคิดว่า ควรจะเป็นไปในรูปเดียวกัน "จงให้ทั้งหมดของชีวิตและวิญญาณแก่ความรัก" หากบัดนี้ รักของผู้หญิงคนหนึ่งได้แสดงให้เราเห็นแล้วว่า ถ้าใครก็ตามคิดว่าจะมีความรัก ก็จงให้ทั้งหมดของชีวิตและวิญญาณแก่ความรักนั้น จงยินดีที่จะดื่มรสหวานจากความรักและชื่นชมต่อความขมขื่นรวดร้าวทรมานที่จะตามมาในภายหลัง เพราะการมีความรัก ก็เสมือนการเอื้อมมือไปเด็ดกุหลาบแรกแย้มบานรับอรุณมาประดับหัวใจ ย่อมต้องโดนหนามเหน็บ และได้กลิ่นบุปผาชาติรินรวยหอมหวาน
"ทุกข์ใดจะแม้นเท่าทุกข์แห่งความไม่สมรัก" เรา จะไม่วิงวอนขอความยุติธรรมใดใดอีก เราเคยดื่มรสหวานจากความรักแล้ว ย่อมยินดีที่จะรับความขมขื่นในบั้นปลาย เรา เคยน้อมรับประกาศิตมธุรสวาจาจากคนที่รักมาแล้ว ย่อมควรน้อมรับประกาศิตแห่งความทรมานนั้นด้วย "แม้ในความชิงชัง เจ็บแค้น ความรักก็ไม่สามารถหักหายไปได้" ผู้หญิงคนนั้น สอนให้เกล้ากระหม่อมรู้ว่า รักคือการให้ ประการเดียว ในความรักจะเรียกร้องหาสิ่งตอบแทนใดใดไม่ได้ทั้งสิ้น เกล้ากระหม่อมรักบุรุษผู้นี้ตลอดมา แม้ในความชิงชัง เจ็บแค้น ความรักก็ไม่สามารถหักหายไปได้
เนื้อหาปกหลัง : พิษสวาท (2 เล่มจบ)
"ท่าน ผู้มีความร้อนแรงดุจเปลวเพลิง" เสียงใสๆ ทรงอำนาจดังกึกก้อง กึ่งเยาะหยัน กึ่งขมขื่น "อดีตคือผู้กล้า ไม่กลัวแม้แต่ความตาย ปัจจุบันคือผู้ที่พยายามอ่านอดีตของตนเอง ท่าน ไม่เพียงแต่ใช้ชีวิตของท่านเป็นราชพลี แต่ท่านใช้ชีวิตของทุกรูปทุกนามเป็นเครื่องแสดงความจงรักภักดีของท่าน ท่าน ไม่เคยคำนึงว่าคำสาปสรรของท่าน จะให้ความทุกข์ทรมานแด่วิญญาณดวงใด อา" เสียงทอดถอนใจเศร้าสร้อย "ท่าน ต้องเป็นคนถ่ายถอนคำสาปนั้นคำสาปที่องค์ยมเทพรับสั่งว่า ผิว่ามันผู้ใดให้คำแช่ง มันผู้นั้นต้องแก้" มือหนาในผ้าขาวยื่นตรงออกมาราวกับจะทวงชีวิต แสงไฟที่เปลี่ยนเป็นสีแดงจับดวงหน้า ดูราวกับแสงเพลิงเริงรุมฉาดฉานขึ้น "เอาชีวิตเราคืนมา อัคนี" เมื่อเราอยู่ในชาติภพของมนุษย์ เราได้สัญญาว่าจะจงรักและภักดีต่อบุรุษหนึ่ง สัญญานั้นย่อมผูกพันวิญญาณด้วย เมื่อความรักแท้กลับได้รับความทุกข์ทรมานตอนสนอง เราจึงพยายามค้นหาความยุติธรรมที่เราคิดว่า ควรจะเป็นไปในรูปเดียวกัน แต่บัดนี้ แม้ในความชิงชังเจ็บแค้น ความรักก็ไม่สามารถหักหายไปได้
รีวิวโดยสำนักพิมพ์ : พิษสวาท (2 เล่มจบ)
สำหรับ "พิษสวาท" เรื่องนี้ ชื่อเรื่องก็บอกนัยแล้วพิษสงแห่งความรัก พิษร้ายแห่งความพิศวาส อุบล คือดวงวิญญาณที่ทนทุกข์ทรมานด้วยความรักและหน้าที่ "หน้าที่" พิทักษ์ทรัพย์แผ่นดินมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาแตกนานนับศตวรรษ ที่เธอตกอยู่กับอาฆาต แค้นเคือง นับเนื่องศตวรรษ ที่ดวงตาวาววับบ่งบอก รอยรักรอยแค้น รอยอาลัย และความสงสัยในหัวใจว่า ทำไมชายคนรัก ขุนศึกคู่แผ่นดินที่เธอแสนรักและรักเธอ ถึงได้กระทำต่อเธอด้วยความเหี้ยมโหด โดยที่เธอไม่รู้ถึงเหตุผลของการกระทำ วิธีเดียวที่เธอ วิญญาณเธอจะได้การปลดปล่อยไม่ต้องทำหน้าที่ตนไปจนกว่าไฟบรรลัยกัลป์จะแล่นล้างสี่หล้าให้พินาศลงสิ้น นั่นคือ เธอต้องหา "ตัวตายตัวแทน" และอุบล หรือในชื่อ สโรชินี ในเวลาปัจจุบันก็ไม่ปรารถนาใคร นอกจากเขานั้น
"อัคนี" ขุนศึกคู่แผ่นดิน ชายคู่ชีวิตคู่เสน่หาที่เธอรักปานดวงใจ ชายที่ทำไว้กับเธออย่างสาหัสสากรรจ์ "สัญญาแห่งรัก ย่อมผูกพันวิญญาณเรา" เมื่อเราอยู่ในชาติภพของมนุษย์ เราได้สัญญาว่าจะจงรักและภักดีต่อบุรุษหนึ่ง สัญญานั้นย่อมผูกพันวิญญาณด้วย ในขั้นแรก เราคิดว่า รักคือรัก ความรักที่บริสุทธิ์ย่อมต้องได้รับความรักเป็นสิ่งตอบแทน แต่เมื่อความรักแท้กลับได้รับความทุกข์ทรมานตอบสนอง เราจึงพยายามค้นหาความยุติธรรมที่เราคิดว่า ควรจะเป็นไปในรูปเดียวกัน "จงให้ทั้งหมดของชีวิตและวิญญาณแก่ความรัก" หากบัดนี้ รักของผู้หญิงคนหนึ่งได้แสดงให้เราเห็นแล้วว่า ถ้าใครก็ตามคิดว่าจะมีความรัก ก็จงให้ทั้งหมดของชีวิตและวิญญาณแก่ความรักนั้น จงยินดีที่จะดื่มรสหวานจากความรักและชื่นชมต่อความขมขื่นรวดร้าว