รายละเอียด : ณ จุดสุดท้าย ของวาระพิเศษที่เราได้รับมา
ณ จุดสุดท้าย ของวาระพิเศษที่เราได้รับมา
เมื่อได้ทราบข่าวว่าผลงานของคุณโทชิกิ โอกาดะ ผู้มีภาพลักษณ์เด่นชัดในฐานะศิลปินคนทำละครดังที่กล่าวมา ได้กลายเป็นนวนิยายและได้รับรางวัลเคนซาบุโร โอเอะ ตอนนั้นผมฟังด้วยความรู้สึกยินดีและประหลาดใจ มันเป็นเรื่องน่าอายที่จะบอกว่าผมไม่ได้หยิบนวนิยายเรื่องนั้นมาอ่านจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เอง เนื่องด้วยการแสดงมีความแปลกแหวกแนวมาก ผมจึงคาดเดาเอาเองว่า การที่นวนิยายเป็นที่ยอมรับนั้นเป็นผลสืบเนื่องจากนั้นและทำให้ผมมีความรู้สึกเหมือนเคยอ่านมาก่อนแล้ว
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ความมหัศจรรย์ในโลกวรรณกรรมของคุณโทชิกิ โอกาดะ นั้น ประการแรกเลยอยู่ที่ลีลาการเขียนที่ได้อรรถรส มุมมองที่เต็มไปด้วยรายละเอียดกับความละเอียดอ่อนทางอารมณ์นั้น เป็นสิ่งที่ประจักษ์รับรู้ได้ในโลกแห่งศิลปะการแสดงของคุณโอกาะเช่นกัน ทว่าระหว่างที่ไล่อ่านไปตามตัวอักษร จะเผลอลืมจับใจความของประโยค สายตาที่ไล่ตามประโยคย้อนกลับไปกลับมา โดยปกติแล้วประสบการณ์การอ่านเช่นนั้นนับเป็นอุปสรรคต่อการอ่านนวนิยาย แต่มันกลับมีลักษณะที่ย้อนแย้งใจตัวเองคือนำพามาซึ่งความเพลิดเพลินใจแบบหนึ่งโดยไม่ทำให้เกิดความรู้สึกหงุดหงิด ในทางตรงกันข้ามที่คาดการณ์ไว้ว่า ประโยคจะมีความยาวต่อเนื่องประมาณหนึ่ง หรือคำลงท้ายเฉพาะต่อเนื่องนั้นกลับผิดคาด เหมือนถูกโยนลงไปเต็มๆ ท่ามกลางแรงกระเพื่อมหลัง
เนื้อหาปกหลัง : ณ จุดสุดท้าย ของวาระพิเศษที่เราได้รับมา
5 วันในเดือนมีนาคม สองหนุ่นสามแปลกหน้าจูงมือกันเข้าเลิฟโฮเทลและปิดตัวอยู่ในนั้นห้าวัน ขณะมีข่าวสงครามครั้งใหญ่ ไม่ใช่ Love&Peace แต่เป็น Sex&War อะไรทำนองนั้น
หลากที่ที่ฉันอยู่ ติดตามความคิด กิจวัตรออนไลน์การปรากฏตัวตนในหลากที่ หลายเวลา กระโดดไปมา ของภรรยาสาว ร่างกายของฉันยังคงอยู่อย่างเป็นระเบียบได้อย่างเหลือเชื่อภายในขอบเขตของผ้าปูที่นอนสีขาว
รีวิวโดยผู้เขียน : ณ จุดสุดท้าย ของวาระพิเศษที่เราได้รับมา
คุณกำลังเขียนนวนิยายให้ใครอ่าน? เป็นคำถามที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะคำถามนี้มีความสำคัญเหมือนกัน แต่ในทางตรงกันข้าม มันก็เป็นคำถามที่ไม่สลักสำคัญอะไรเลย ถ้าถามผม ผมก็ไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้ บางทีอาจจะเป็นเพราะผมแทบจะไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นมาก่อน เลยไม่รู้จะตอบอย่างไร คือไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องพรรค์นั้นก็เขียนนวนิยายออกมาได้
แต่ครั้งนี้คำถามนั้นได้ผุดขึ้นมาในหัวผมเช่นนี้ ทำไมน่ะหรือเพราะขณะที่เขียนนวนิยายสองเรื่องนี้ ผมไม่ได้เขียนโดยคำนึงถึงผู้อ่านชาวไทยเลย เรื่องนั้นแนน่ใจได้ ทั้งที่เป็นเช่นนั้น นวนิยายชุดนี้ของผมก็ได้รับการแปลออกมาดังที่เห็นอยู่นี้ ทำให่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านที่อ่านภาษาไทยได้ มันหมายถึงเส้นทางที่นำไปสู่พื้นที่ก่อนหน้านี้ไม่มีหนทางไปถึงนั้นได้เปิดออกอย่างง่ายดาย ไม่มีอะไรที่น่าจะยินดีมากไปกว่านี้แล้ว ผมขอขอบคุณสำนักพิมพ์กำมะหยี่และผู้แปล คุณมัทนา จาตุรแสงโรจน์ ที่ได้กรุณาช่วยทำให้การจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้เป็นจริงขึ้นมา
โทชิกิ โอกาดะ
รีวิวโดยสำนักพิมพ์ : ณ จุดสุดท้าย ของวาระพิเศษที่เราได้รับมา
ทำเล่มนี้ มีแต่คำถามค่ะ
- ในโลกที่ดูประหนึ่งว่าสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นจริงก็ต่อเมื่อได้เห็นผ่านหน้าจอ ออกสื่อ และสิ่งต่างๆ จบลง เมื่อข่าวนั้นหลุดเลื่อนหายไปหรือเมื่อมีเรื่องใหม่เข้ามาแทนที่ เราจะยืนหยัดดำรงตนให้ตระหนักว่า นอกจอพ้นจากนั้นไปแล้ว มันมิได้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร
- เรามีทางเลือก มีข้อมูล มีทางออก มีตัวอย่าง อันเพียงพอ ให้กับหนุ่มสาว- 'เด็กสมัยนี้' Generation Me ผู้ดูเหมือนไม่แยแส ไม่สนใจ ไม่ไยดีสิ่งรอบข้าง - แล้วหรือ หรือ ความจริงไม่ต้องมีก็ได้ สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างจะกลับเข้าร่องเข้าสู่ช่องทางของมัน ไม่เร็วก็ช้า เหมือนที่คนรุ่นก่อนหน้านี้หรือรุ่นไหนๆ ก็ไม่เคยมีอะไรพรรค์นั้นที่กล่าวข้างบนเหมือนกัน
- ในเล่มนี้ พล็อตเรื่องแรกอาจจะฟังดูหวือหวาน่าฮือฮากว่าเรื่องที่สอง แต่เรื่องที่สอง ก็จะนิ่งๆ เวียนๆ กระโดดไปมาหากสะท้อนคำถามชวนฉงว่า ผู้เขียนซึ่งเป็นผู้ชาย ทำไมถึวช่างเข้าใจความคิด รู้พฤติกรรมของผู้หญิงชนิดถอดออกมาทั้งกระบิได้ขนาดนั้น หรือเข้าใช้หลักการที่ว่า think of a man, and I take away reason and accountabillity. (ผมนึกถึงผู้ชาย แล้วก็ดึงเหตุผลและความรับผิดชอบทิ้งไป) เหมือนตัวละครในเรื่อง As Goog as it Gels
จะอย่างไรก็ตาม...ขอให้มีความสุขในการอ่าน
ด้วยไมตรี
สำนักพิมพ์กำมะหยี่