รายละเอียด : สาปนั้นคืนสนอง Still Life with Crows

สาปนั้นคืนสนอง Still Life with Crows

ยามโพล้เพล้ในแถบชนบทของรัฐแคนซัส นายอำเภอรู้สึกผิดสังเกตเมื่อเห็นฝูงแร้งบินวนเหนือไร่ข้าวโพดรกร้าง เมื่อเขารุดเข้าไปตรวจสอบก็ถึงกับล้มทั้งยืน ร่างหญิงสาวนอนแผ่ในลักษณะบิดเบี้ยว ริมฝีปาก จมูก และใบหูถูกเฉือนหายไป รอบตัวมีลูกธนูโบราณเสียบซากอีกาปักไว้ เพนเดอร์แกสต์ เจ้าหน้าที่เอฟบีไอเข้ามาสืบคดี เขาพบว่าเมื่อร้อยปีก่อนที่ตรงนี้เคยเกิดการปะทะนองเลือดระหว่างเผ่าอินเดียแดงกับกลุ่มคนขาว กลายเป็นโศกนาฎกรรมสังหารหมู่ที่มีผู้คนล้มตายมากมาย ก่อนตายนักรบคนสุดท้ายได้สาปส่งใครก็ตามที่ล่วงล้ำพื้นที่แห่งนี้ให้ต้องมีอันเป็นไป รูปแบบการฆาตกรรมในครั้งนี้ดูคล้ายพิธีกรรมของอินเดียแดงมาก แถมลูกธนูยังเป็นของจริงที่ใช้ในอดีตอีกด้วย เมื่อมีศพที่สองและสามตามมา ทุกรายล้วนตายด้วยพิธีกรรมที่ทั้งพิสดารและสยดสยอง เพนเดอร์แกสต์เริ่มไม่แน่ใจว่ากำลังต่อกรอยู่กับอะไร ทางเลือกเดียวที่เขามีคือต้องสืบย้อนกลับไปยังเหตุการณ์เมื่อร้อยปีก่อน หารู้ไม่ว่าเขากำลังจะเป็นอีกคนที่ก้าวล่วง "คำสาป" ของใครบางคนที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด รอคอยเวลาลงทัณฑ์ผู้ที่ล่วงล้ำเข้ามาให้สาสม "หากคุณเคยรู้สึกเหมือนใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆ ในยามวิกาล เพรสตันและไซลต์จะทำให้คุณรู้สึกแบบนั้นตลอดเวลาที่อ่านนิยายเรื่องนี้"

เนื้อหาปกหลัง : สาปนั้นคืนสนอง Still Life with Crows

ยามโพล้เพล้ในแถบชนบทของรัฐแคนซัส นายอำเภอรู้สึกผิดสังเกตเมื่อเห็นฝูงแร้งบินวนเหนือไร่ข้าวโพดรกร้าง เมื่อเขารุดเข้าไปตรวจสอบก็ถึงกับล้มทั้งยืน ร่างหญิงสาวนอนแผ่ในลักษณะบิดเบี้ยว ริมฝีปาก จมูก และใบหูถูกเฉือนหายไป รอบตัวมีลูกธนูโบราณเสียบซากอีกาปักไว้ เพนเดอร์แกสต์ เจ้าหน้าที่เอฟบีไอเข้ามาสืบคดี เขาพบว่าเมื่อร้อยปีก่อนที่ตรงนี้เคยเกิดการปะทะนองเลือดระหว่างเผ่าอินเดียแดงกับกลุ่มคนขาว กลายเป็นโศกนาฎกรรมสังหารหมู่ที่มีผู้คนล้มตายมากมาย ก่อนตายนักรบคนสุดท้ายได้สาปส่งใครก็ตามที่ล่วงล้ำพื้นที่แห่งนี้ให้ต้องมีอันเป็นไป รูปแบบการฆาตกรรมในครั้งนี้ดูคล้ายพิธีกรรมของอินเดียแดงมาก แถมลูกธนูยังเป็นของจริงที่ใช้ในอดีตอีกด้วย เมื่อมีศพที่สองและสามตามมา ทุกรายล้วนตายด้วยพิธีกรรมที่ทั้งพิสดารและสยดสยอง เพนเดอร์แกสต์เริ่มไม่แน่ใจว่ากำลังต่อกรอยู่กับอะไร ทางเลือกเดียวที่เขามีคือต้องสืบย้อนกลับไปยังเหตุการณ์เมื่อร้อยปีก่อน หารู้ไม่ว่าเขากำลังจะเป็นอีกคนที่ก้าวล่วง "คำสาป" ของใครบางคนที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด รอคอยเวลาลงทัณฑ์ผู้ที่ล่วงล้ำเข้ามาให้สาสม "หากคุณเคยรู้สึกเหมือนใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆ ในยามวิกาล เพรสตันและไซลต์จะทำให้คุณรู้สึกแบบนั้นตลอดเวลาที่อ่านนิยายเรื่องนี้"

รีวิวโดยสำนักพิมพ์ : สาปนั้นคืนสนอง Still Life with Crows

หลังจากปล่อย "เล่นแร่แปรศพ" ผลงานเปิดตัวนิยายชุด Agent Pendergast ลงสู่ตลาดและสร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการนิยายระทึกขวัญ ก็มีผู้อ่านถามหาภาคต่อกันอย่างล้มหลาม เราจึงไม่รอช้ารีบส่ง "Still Life with Crows" หรือในชื่อภาษาไทยว่า "สาปนั้นคืนสนอง" สู่ตลาดทันที เรื่องราวใน "สาปนั้นคืนสนอง" เกิดขึ้นที่เมืองเล็กๆ แสนสงบในรัฐแคนซัส แต่จู่ๆ ก็เกิดเหตุฆาตกรรมที่ช็อกคนทั้งเมืองเมื่อพบศพนิรนามกลางไร่ข้าวโพดรกร้าง รอบศพปรากฏซากอีกาหลายสิบตัวที่มีลูกธนูโบราณของชนพื้นเมืองเสียบทะลุร่างปักล้อมอยู่ราวกับเป็นพิธีกรรมอะไรบางอย่าง คดีแรกยังไม่ทันคลี่คลายตำรวจก็พบเหยื่อรายที่สอง แต่คราวนี้สภาพศพดูแปลกประหลาด และแตกต่างจากศพแรกอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งเพนเดอร์แกสต์ที่เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยาก็ยังไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้ เพนเดอร์แกสต์จึงจำต้องงัดทักษะพิเศษออกมาใช้อีกครั้ง งานนี้เขาต้อง "ตั้งจิต" สืบย้อนกลับไปในอดีตเมื่อร้อยกว่าปีก่อน เพราะนั่นเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดการฆาตกรรมในปัจจุบันได้ นี่เป็นผลงานอีกเล่มหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าทำไม Douglas Preston และ Lincoln Child ถึงครองตำแหน่งคู่หูนักเขียนบอร์หนึ่งของโลก เพราะนอกจากจะเขียนนิยายสืบสวนได้ฉลาดและเป็นเอกลักษณ์แล้ว พวกเขายังสามารถผสมผสานเสน่ห์ของนิติวิทยาศาสตร์เข้ากับข้อมูลทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีได้อย่างลงตัวในแบบที่ไม่มีใครทำได้ มาร่วมลุ้นระทึกกับปริศนาใหม่ของเพนเดอร์แกสต์ไปพร้อมๆ กัน กุญแจที่จะช่วยไขประตูแห่งปริศนาบานแล้วบานเล่าซ่อนอยู่ในรายละเอียดทุกหน้า แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าเรื่องราวในเล่มสามารถพลิกผันได้ทุกวินาทีชนิดอาจทำให้คุณลืมหายใจได้เลยทีเดียว