กบถแกมกวน

ผู้เขียน: สมจุ้ย เจตนาน่าสนุก

สำนักพิมพ์: กะทิ กะลา

หมวดหมู่: วรรณกรรม , เรื่องสั้น

0 (0) เขียนรีวิว

162.00 บาท

180.00 บาท ประหยัด 18.00 บาท (10.00 %)

จำนวนคะแนนที่ได้รับ 6 คะแนน

การเป็นกบถที่ดีควรมีรสนิยม รสนิยมไม่ใช่ชาตินิยม ไม่เกี่ยวกับวิเศษนิยม และไม่ใช่นิยมรถ นิยมมอเตอร์โชว์ < แสดงน้อยลง การเป็นกบถที่ดีควรมีรสนิยม รสนิยมไม่ใช่ชาตินิยม ไม่เกี่ยวกับวิเศษนิยม และไม่ใช่นิยมรถ นิยมมอเตอร์โชว์
  • ส่วนลด:
    ลด 10%
  • โปรโมชั่น:Naiin.com ช้อปหนังสือคุ้ม ลดแรง ต่อที่ 1 หนังสือลดเลย 10%

162.00 บาท

180.00 บาท
180.00 บาท
ประหยัด 18.00 บาท (10.00 %)

จำนวนคะแนนที่ได้รับ 6 คะแนน

จำนวน :

1

  • โปรโมชั่นพิเศษ:
    • Naiin.com ช้อปหนังสือคุ้ม ลดแรง ต่อที่ 2 ลดเลยทันที 150 เมื่อซื้อครบ 1200.-
จำนวนหน้า
112 หน้า
ประเภทสินค้า
ขนาด
12.5 x 18.5 x 0.7 CM
น้ำหนัก
0.143 KG
บาร์โค้ด
9786168037058

รายละเอียด : กบถแกมกวน

กบถแกมกวน

เล่าถึง ศุ บุญเลี้ยง พอสังเขป เกิดบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เริ่มหัดเขียนอ่านที่ใต้ถุนบ้านครูป้ามุ้น ข้ามเกาะเข้าเมืองมาเรียนที่โรงเรียน ภปร.ราชวิทยาลัย จนจบชั้น มศ.3 เรียนต่อมัธยมปลายในโรงเรียนวัดนวลนรดิศ สอบเข้ารั้วจามจุรี เป็นนิสิตคณะนิเทศศาสตร์ ต่อมาพบว่า เส้นทางความฝันของเขาไม่น่าจะได้มาด้วยการเรียนในระบบการศึกษา จึงหันหลังให้กับการเป็นนิสิต และลงมือสร้างความฝันของตัวเองอย่างจริงจัง นั่นคือการเป็นนักเขียน ในผลงานเขียนกว่า 20 เล่ม บางครั้งใช้นามปากกาว่า สมจุ้ย เจตนาน่าสนุก หรือ ศุราณี ได้รับรางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น จากกระทรวงวัฒนธรรม ประจำปี 2554 และรางวัลนักนิเทศศาสตร์ดีเด่น คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประจำปี 2559 ด้วยความเชื่อว่าตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปี งานเขียนของศุ บุญเลี้ยง ได้ทิ้งร่องรอยความคิดไว้ให้ผู้อ่านหลายต่อหลายรุ่น ผู้คนเหล่านั้นที่ได้ทำความรู้จักตัวหนังสือของเขา ถูกชี้ชวนให้เห็นมุมมองน่ารัก น่าสนใจของโลกใบนี้ด้วยสายตาของคนที่มีหัวสร้างสรรค์ ถูกกระตุกเตือนแทบหงายหลัง ด้วยความปากจัดของนักติอารมณ์ดีแต่ขึ้รำคาญ ถูกใช้เป็นแรงบันดาลใจให้เริ่มต้นสิ่งใหม่ ด้วยต้นแบบของนักคิดจอมขบถ และถูกพาใจให้หวามไหว ไปกับวิญญาณกวีโรแมนติก แม้โลกจะเคลือนผ่านไปไม่มีวันหยุดพักร้อน แต่หลายสิ่งที่ศุ บุญเลี้ยงขีดเขียนเอาไว้ ยังคงจริงแท้ในวันนี้ บางความคิดยังเป็นเสมือนคู่มือให้คนหนุ่มสาว บางมุมมองยังเป็นเสมือนกัลยามิตรของคนท้อ  บางวีรกรรมยังเป็นต้นแบบให้กล้าก้าวตามต่อ จึงเป็นความตั้งใจของสำนักพิมพ์ กะทิ กะลา ที่จะรวบรวมงานเขียนของศุ บุญเลี้ยง มาจัดพิมพ์ใหม่อีกครั้ง เพื่อหวังให้ร่องรอยความคิดเหล่านั้นยังมีโอกาสได้เดินทางไปทำความรู้จัก และทำหน้าที่อันเป็นความหมายดีงามให้คนรุ่นหลังต่อๆ ไป

สำนักพิมพ์ กะทิ กะลา


คำนำ : กบถแกมกวน

บทความขนาดกะทัดรัด ที่พูดถึงเรื่องราวต่างๆในสังคม เช่น เรื่องความฝัน เรื่องถ้อยคำภาษา เรื่องความชอบของคนต่างยุคสมัย ด้วยมุมมองของกบถนักคิด ชี้ชวนให้คนอ่านตั้งข้อสังเกต คิดสงสัย ใคร่ทบทวนความรู้และชุดความคิดเดิมๆ ว่าเราเข้าใจมันจริงๆ หรือเพียงแค่เชื่อตามๆกันมา


สารบัญ : กบถแกมกวน

    • เปิดกรงให้ฝันบิน
    • คนนอกคอก
    • กบถอย่างมีรสนิยม
    • เราต่างมียุคสมัยของใครของมัน
    • ฝันเอย...ช่างหอมกรุ่น
    • นกกระจิบในดวงใจ
    • ป้องกันฝันผุ
    • เซรุ่มจินตนาการ
    • มีแกงจืดที่ไหนจีดบ้าง
    • มั่นใจไม่ไหลย้อนกลับ
    • เพื่อนของเพื่อนของเพื่อน
    • กฎแห่งยุ้ย
    • แง่งามๆ ของงานๆๆ
    • ภูมิคุ้มกันทางปัญญาและความร่ำรวยทางอารมณ์

เนื้อหาปกหลัง : กบถแกมกวน

การเป็นกบถที่ดีควรมีรสนิยม รสนิยมไม่ใช่ชาตินิยม ไม่เกี่ยวกับวิเศษนิยม และไม่ใช่นิยมรถ นิยมมอเตอร์โชว์ แต่เกี่ยวกับการรู้จักเสพสัมผัสความสุนทรีย์ที่มีอยู่ แต่ผู้คนมากมายในมุมเมือง มักหมกมุ่นจำเจอยู่กับกิจวัตรเดิมๆ ไม่เติมไม่ต่อ มัวแต่รอโชควาสนา เชื่อดวงชะตา และครอบกะลาหัวใจ

รีวิวโดยผู้เขียน : กบถแกมกวน

มีบางเวลาและบางอารมณ์ที่ข้าพเจ้าแปลงร่างจากนักเขียน เสนอหน้าไปเป็นนักพูดกับเขาบ้างตามแต่เวลาสถานการณ์ และสัญชาตญาณจะนำพา หัวข้อในการเสวนาสลับเปลี่ยนไปตามแต่เนื้องานแต่มักจะวนเวียนอยู่ในเรื่องราวของการเขียนการอ่านเป็นส่วนใหญ่ บางหนเป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อมบ้างตามกระแส ครั้งหนึ่งมีนักเรียนมัธยมปลายจากโรงเรียนมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งตั้งหัวข้อเชิญมาน่าสนใจว่า "หนังสือและบทกวี คือดนตรีแห่งชีวิต" ครั้นพอมีอีกโรงเรียนติดต่อมา แต่ยังหาชื่อเหมาะๆ ไม่ได้ ข้าพเจ้าเลยไขว้ให้เขาไปว่า "หนังสือและดนตรี คือกวีแห่งชีวิต" ไขว้กันไปไขว้กันมา แต่สรุปว่า การอ่านการฟังให้หลากหลาย และอ่าน-ฟังอย่างมีรสนิยมย่อมจะส่งผลสะเทือนต่อชีวิตให้มีจังหวะก้าวอย่างที่งดงาม สละสลวยเฉกเช่นบทกวี หรือถ้าเปรียบเป็นดนตรีก็มีลีลา มีจังหวะของตัวเอง ไม่ใช่คนที่คอยเต้นตามจังหวะซึ่งผู้อื่นกำหนดให้ร่ำไป ข้าพเจ้ามักพูดคล้ายๆ กันทุกที่ว่า ประเทศนี้ถ้าใครอ่านหนังสือ คนนั้นจะถูกมองเป็นคนแปลกๆ เพราะวัฒนธรรมการอ่านเราอ่อนแอ เราชอบดู ชอบมุง แต่ไม่ชอบอ่าน จนได้รับการยกย่องกันเองว่า "ไทยมุง" เพราะเราชอบพูด ชอบคุย แต่ไม่ชอบฟัง จนมีนิสิตปริญญาโทรฯ (โทรศัพท์กับโทรทัศน์) เพิ่มขึ้นทุกวัน ทั้งๆ ที่คนช่างพูดนั้นมักขาดทุน ถ้าเขาไม่ได้จ้างให้พูด ในขณะที่คนฟังมักได้กำไร ถ้าไม่ไปฟังนักพูดเพ้อเจ้อ คนอ่านยิ่งโคตรกำไร เพราะได้รับความคิดที่สกัดและขัดเกลามาแล้วจากสารพัดนักเขียน ซึ่งเขียนเกี่ยวกับโลกที่เขาอ่านผ่านมา เมื่อการอ่าน การเขียน การฟัง ไม่เป็นวัฒนธรรม มีแต่การมุง การดู และการพูด ข้าพเจ้าได้แต่สงสัยว่าเราจะมีกระบวนการทางความคิดและภูมิคุ้มกันทางปัญญาได้อย่างไร ที่สำคัญ เรายังดูถูกความฝัน อันเป็นคุณสมบัติของนักประดิษฐ์ นักค้นคว้า มหาบุรุษ เรื่องซึ่งข้าพเจ้ามักพูดพาดพิงไปถึงเสมอ ไม่ว่าเขาจะตั้งหัวข้อมาอย่างไร นั่นก็คือเรื่องของความฝัน หลายๆ อย่างในเนื้องานของข้าพเจ้าก็คือการเปิดประเด็นถึงความใฝ่ฝันอันแสนงดงาม และหนังสือเล่มนี้ก็เป็นอีกเล่มที่ข้าพเจ้าตั้งใจจะให้ตัวหนังสือทำหน้าที่เปิดกรงให้ฝันบิน เพราะเห็นว่าบ้านนี้เมืองนี้ชอบกักขังความฝันของคนรุ่นใหม่ๆ แล้วใส่ความฝันสำเร็จรูปให้ แต่ชีวิตไม่ใช่บะหมี่สำเร็จรูป การใส่ความฝันสำเร็จรูป หรือกักขังความฝันของใคร โดยใส่ไว้ในกรงสวย เป็นสิ่งที่น่าสังเวช ปัญหาหลายอย่างในสังคมที่โทษว่าเพราะเด็กมีปัญหานั้น เมื่อค้นต้นตอขึ้นไปกลับพบว่า ผู้ใหญ่นั่นแหละที่มีปัญหา ครูนั่นเองที่มีปัญหา พ่อแม่ต่างหากที่ทำฟาร์มเพาะปัญหา สังคมโรงเรียนและสถาบันการศึกษานั้นเต็มไปด้วยรูปแบบ แทนที่จะจัดกิจกรร กลับนิยมทำพิธีกรรม เด็กๆ ที่พบตามสถาบันการศึกษาเต็มไปด้วยความกลัว ไม่กล้าแสดงออก แม้อยากจะรู้ แต่ดูเหมือนในหมู่ผู้ฟังหากใครถามขึ้นมาสักคำ เขาจะกลายเป็นตัวแปลกประหลาดในบัดดล ทั้งๆ ที่ความอยากรู้มีมากมาย แต่ไม่ใคร่กล้าถาม ความกลัวคงเป็นของที่คู่กับการศึกษาไทยไปเสียแล้ว นักเรียนส่วนใหญ่ไม่สามารถจะคิด จะทำ จะดำเนินงานได้เอง มักมีหน้าที่เสิร์ฟอาหาร แม้จะตักข้าว อาจารย์ยังต้องคอยกำหนดว่าให้ตักกี่ช้อน ข้าพเจ้าอยากจะสะท้อนระบบการศึกษาไทย ซึ่งเต็มไปด้วยครูที่ชอบข่มขวัญและคอยทำหมันทางความคิดให้เด็กๆ หวังว่าอย่างน้อยหนังสือเล่มนี้คงช่วยเป็นคู่มือใน การดำเนินความฝัน หรือช่วยทะนุถนอม ทั้งป้องกัน ไม่ให้ฝันผุไปก่อนเวลาอันสมควร

สมจุ้ย เจตนาน่าสนุก



รีวิวโดยสำนักพิมพ์ : กบถแกมกวน

เล่าถึง ศุ บุญเลี้ยง พอสังเขป เกิดบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เริ่มหัดเขียนอ่านที่ใต้ถุนบ้านครูป้ามุ้น ข้ามเกาะเข้าเมืองมาเรียนที่โรงเรียน ภปร.ราชวิทยาลัย จนจบชั้น มศ.3 เรียนต่อมัธยมปลายในโรงเรียนวัดนวลนรดิศ สอบเข้ารั้วจามจุรี เป็นนิสิตคณะนิเทศศาสตร์ ต่อมาพบว่า เส้นทางความฝันของเขาไม่น่าจะได้มาด้วยการเรียนในระบบการศึกษา จึงหันหลังให้กับการเป็นนิสิต และลงมือสร้างความฝันของตัวเองอย่างจริงจัง นั่นคือการเป็นนักเขียน ในผลงานเขียนกว่า 20 เล่ม บางครั้งใช้นามปากกาว่า สมจุ้ย เจตนาน่าสนุก หรือ ศุราณี ได้รับรางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น จากกระทรวงวัฒนธรรม ประจำปี 2554 และรางวัลนักนิเทศศาสตร์ดีเด่น คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประจำปี 2559 ด้วยความเชื่อว่าตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปี งานเขียนของศุ บุญเลี้ยง ได้ทิ้งร่องรอยความคิดไว้ให้ผู้อ่านหลายต่อหลายรุ่น ผู้คนเหล่านั้นที่ได้ทำความรู้จักตัวหนังสือของเขา ถูกชี้ชวนให้เห็นมุมมองน่ารัก ของโลกใบนี้ด้วยสายตาของคนที่มีหัวสร้างสรรค์ ถูกกระตุกเตือนแทบหงายหลัง ด้วยความปากจัดของนักติอารมณ์ดีแต่ขึ้รำคาญ ถูกใช้เป็นแรงบันดาลใจให้เริ่มต้นสิ่งใหม่ ด้วยต้นแบบของนักคิดจอมขบถ และถูกพาใจให้หวามไหว ไปกับวิญญาณกวีโรแมนติก แม้โลกจะเคลือนผ่านไปไม่มีวันหยุดพักร้อน แต่หลายสิ่งที่ศุ บุญเลี้ยงขีดเขียนเอาไว้ ยังคงจริงแท้ในวันนี้ บางความคิดยังเป็นเสมือนคู่มือให้คนหนุ่มสาว บางมุมมองยังเป็นเสมือนกัลยามิตรของคนท้อ  บางวีรกรรมยังเป็นต้นแบบให้กล้าก้าวตามต่อ จึงเป็นความตั้งใจของสำนักพิมพ์ กะทิ กะลา ที่จะรวบรวมงานเขียนของศุ บุญเลี้ยง มาจัดพิมพ์ใหม่อีกครั้ง เพื่อหวังให้ร่องรอยความคิดเหล่านั้นยังมีโอกาสได้เดินทางไปทำความรู้จัก และทำหน้าที่อันเป็นความหมายดีงามให้คนรุ่นหลังต่อๆ ไป

สำนักพิมพ์ กะทิ กะลา

รีวิว


0.0
  • 5
    0%
  • 4
    0%
  • 3
    0%
  • 2
    0%
  • 1
    0%
เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว