รายละเอียด : ธรรมะ 5 G
ธรรมะ 5 G
ในยุคที่สิ่งเร้ามากมายจากเทคโนโลยี ทำให้มนุษย์เกิดการส่งออกนอกและบรรลุธรรมได้ยากกว่าสมัยก่อนมาก "อุปกิเลส" ที่นอนเนื่องในขันธสันดานถูกกระตุ้นให้ฟุ้งอยู่ตลอดเวลา ทำให้จิตที่เดิมแท้ใสบริสุทธิ์ ไม่สามารถแสดงผลออกมาได้ เมื่อเทียบแล้วโอกาสบรรลุของมนุษย์ "ยุค 5G" น้อยลงมาก เพราะจิตกระเพื้อมอยู่ตลอดเวลา
ธรรมะของพระพุทธเจ้ามีลักษณะที่เรียกว่า "อากลิโก" คือไม่ขึ้นกับกาลเวลา เป็นจริงตลอดกาลไม่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย สิ่งที่ต่างคือวิธีการอธิบาย เนื่องจากความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ทำให้โลกค้นพบสิ่งต่างๆ มากมาย มนุษย์ในยุคปัจจุบันเข้าใจวิทยาศาสตร์มากกว่าพุทธศาสตร์ ดังนั้นถ้าสามารถเชื่อมโยงการค้นพบเหล่านั้นมา อธิบายธรรมะเพื่อให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น นับว่ามีประโยชน์ต่อพุทธศาสนาและผู้ปฏิบัติธรรม
เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบลง มั่นใจได้ว่า ระดับ "ภูมิรู้ ภูมิธรรม" ของท่านผู้อ่านจะก้าวขึ้นไปในอีกระดับ พร้อมที่จะปฏิบัติเจริญสติวิปัสสนากรรมฐาน ด้วยการอธิบายแบบง่ายๆ ที่เชื่อมโยงกับวิทยาศาสตร์ทำให้เข้าใจจิตได้อย่างลึกซึ้ง และการฝึกดูจิตสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว "สติปัฏฐานสี่" คือการฝึกดูกาย ดูใจ ดูจิต และดูธรรม ฐานดูจิตเป็นฐานที่ทำให้บรรลุปัญญาญาณได้อย่างรวดเร็ว เพียงแต่ต้องเข้าใจวิธีปฏิบัติ และเข้าใจลักษณะของจิต ซึ่งทั้งหมดได้อธิบายไว้ในหนังสือ "ธรรมะ 5G" เล่มนี้แล้ว
ทันตแพทย์สม สุจีรา
สารบัญ : ธรรมะ 5 G
- บทที่ 1 ส่งจิตออกนอก
- บทที่ 2 จิตที่เป็นกลาง
- บทที่ 3 สงครามหกทัพ
- บทที่ 4 เกราะแห่งศีล
- บทที่ 5 รัก โลภ โกรธ หลง
- บทที่ 6 ตัวกู ของกู
- บทที่ 7 กรณีศึกษา
รีวิวโดยผู้เขียน : ธรรมะ 5 G
ในช่วงเวลาไม่เกินสิบปีข้างหน้านี้ โลกจะก้าวเข้าสู่ยุค 5G ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีครั้งยิ่งใหญ่ ลักษณะสังคม การดำเนินชีวิต การเรียน การทำงาน ฯลฯ จะเปลี่ยนไปอย่างมากมาย เหมือนกับที่โลกเคยเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดมาแล้วครั้งหนึ่งในยุค 3G ทำให้โทรศัพท์แบบสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต กลายเป็นของจำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่เทคโนโลยีในยุค 5G ล้ำสมัยกว่า ยุค 3G หลายพันเท่า ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร ตราบใดที่มนุษย์ยังมีกิเลส ตัณหา ปัญหาทางใจก็เกิดขึ้นในลักษณะเดิม ดังสังเกตได้ว่า แม้ในยุคกรีก โรมัน สุโขทัย หรืออยุธยา จวบจนปัจจุบัน ความทุกข์ของมนุษย์ก็ยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่อง รัก โลภ โกรธ หลง อิจฉาริษยา ฯลฯ
ถ้าลองมาคิดวิเคราะห์กันดูว่า ผู้คนในสมัยกรุงสุโขทัยกับปัจจุบัน ใครมีความสุขมากกว่ากันเราอาจไม่แน่ใจ ทั้งที่ในสมัยนั้นไม่มีเทคโนโลยีอะไรเลย ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกแม้แต่ไฟฟ้า ประปาประโยคที่ว่า ทุกข์สุขล้วนอยู่ที่ใจ ยืนยันความจริงในเรื่องนี้ แน่นอนว่า ถ้าเราสามารถเข้าใจจิตของตัวเอง บรรลุธรรมในระดับเดียวกับผู้คนในสมัยโบราณ ชีวิตย่อมสุขสบายมากกว่า เพราะความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์
อย่างไรก็ตาม ในยุคที่สิ่งเร้ามากมายจากเทคโนโลยี ทำให้มนุษย์เกิดการส่งจิตออกนอกและบรรลุธรรมได้ยากกว่าสมัยก่อนมาก อุปกิเลสที่นอนเนื่องในขันธสันดานถูกกกระตุ้นให้ฟุ้งอยู่ตลอดเวลา ทำให้จิตที่เดิมแท้ในบริสุทธิ์ ไม่สามารถแสดงผลออกมาได้ เมื่อเทียบแล้วโอกาสบรรลุของมนุษย์ยุค 5G น้อยลงมาก เพราะจิตกระเพื่อมอยู่ตลอดเวลา เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบลง มั่นใจว่าระดับภูมิรู้ ภูมิธรรมของท่านผู้อ่านจะก้าวขึ้นไปในอีกระดับ
ทันตแพทย์สม สุจีรา