รายละเอียด : THE GETTYSBURG สมรภูมิชี้ชะตาสหรัฐอเมริกา
THE GETTYSBURG สมรภูมิชี้ชะตาสหรัฐอเมริกา
ในอดีต สหรัฐอเมริกาผ่านศึกสงครามมาหลายครั้งหลายครา ศึกใหญ่ที่ถือเป็นสงครามสร้างชาติคือสงครามประกาศอิสรภาพจากเจ้าอาณานิคมอังกฤษ และศึกสำคัญอีกครั้งคือสงครามกลางเมือง ซึ่งส่งผลต่อทิศทางของประเทศทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของสหรัฐอเมริกามาจนถึงปัจจุบัน สงครามกลางเมืองอุบัติขึ้นเพราะความแตกต่างด้านแนวคิดของคนในชาติเดียวกัน จนแตกแยกเป็นฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ ทั้งสองฝ่ายจับอาวุธเข้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดเสมือนแผ่นดินจะลุกเป็นไฟ ความวอดวายทำลายทั้งชีวิตทหารและพลเรือน รวมทั้งทรัพย์สินบ้านเรือนอื่นๆ อีกมาก แต่สหรัฐอเมริกาก็ได้เติบโตในแบบของตนเองขึ้นมาจากผลของสงครามครานั้น
การรบยืดเยื้อยาวนานหลายปี จนกระทั่งเกิดปะทะครั้งใหญ่ที่เกตตีสเบิร์ก แม้ว่าผลแพ้ชนะในสมรภูมินี้จะไม่ถึงขั้นยุติสงครามลงในทันที แต่ก็ส่งผลชัดเจนต่อบทสรุปของสงครามในบั้นปลาย ซึ่งก็เท่ากับว่าเป็นสมรภูมิชี้ชะตากำหนดทิศทางการบริหารประเทศของสหรัฐอเมริกาในอนาคตด้วยเช่นกัน เหตุการณ์ตลอด 3 วัน ในสมรภูมิเกตตีสเบิร์ก รวมทั้งที่มาของสงครามกลางเมือง ถูกเขียนเล่าไว้อย่างละเอียดในหนังสือเล่มนี้แล้ว ประวัติศาสตร์สงครามเป็นเรื่องน่าสนใจและควรรู้ไว้อย่างยิ่งสำหรับทุกคน แม้แต่ผู้ที่เกลียดชังความโหดร้ายของศึกสงครามก็ตาม
สำนักพิมพ์ยิปซี
สารบัญ : THE GETTYSBURG สมรภูมิชี้ชะตาสหรัฐอเมริกา
- บทที่ 1 สงครามกลางเมืองอเมริกา
- บทที่ 2 นายทหารในสมรภูมิเกตตีสเบิร์ก
- บทที่ 3 การรบวันแรก
- บทที่ 4 การรบวันที่ 2
- บทที่ 5 การรบวันที่ 3
- บทที่ 6 ความตายของเจนนี่ เหวดและเอมัส ฮิวมิสตัน
- บทที่ 7 สุนทรพจน์ที่เกตตีสเบิร์ก
- บทที่ 8 อนุสรณ์สถานและปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ
เนื้อหาปกหลัง : THE GETTYSBURG สมรภูมิชี้ชะตาสหรัฐอเมริกา
ค.ศ. 1861 แผ่นดินอเมริกาแตกแยกเป็นสองฝ่าย ไฟสงครามลุกโชนขึ้นกลางเมือง คนร่วมชาติจับอาวุธเข้าประหัตประหารกัน เพราะแนวคิดที่แตกต่าง การศึกยืดเยื้อไม่มีทีท่าจะจบสิ้น จนเกิดการปะทะครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1863 การรบนองเลือดตลอด 3 วันในเมืองชนบทที่เคยเงียบสงบ กลายเป็นจุดพลิกผันที่ส่งผลต่อฉากสุดท้ายของสงครามในปีต่อมา เกิดอะไรขึ้นที่นั่น? ในเมืองเล็ก ๆ นามว่า เกตตีสเบิร์ก สมรภูมิชี้ชะตาสหรัฐอเมริกา
รีวิวโดยผู้เขียน : THE GETTYSBURG สมรภูมิชี้ชะตาสหรัฐอเมริกา
โฉมหน้าอเมริกาในปัจจุบันนี้คือผลผลิตจากสงครามกลางเมือง ที่เป็นสงครามอันนองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา มีผู้บาดเจ็บล้มตายไม่น้อยกว่า 1,030,000 ราย หรือร้อยละ 3 ของประชากรทั้งหมด ทหารเสียชีวิต 620,000 นาย และพลเรือนเสียชีวิต 50,000 คน แต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่แท้จริงอาจสูงถึง 750,000-850,000 นาย ซึ่งจํานวนผู้เสียชีวิตในสงครามกลางเมืองนี้มากกว่าจํานวนทหารอเมริกันที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงสองเท่า สงครามกลางเมืองจบสิ้นลงท่ามกลางเลือดชโลมแผ่นดินและความสูญเสียของอเมริกันทั้งฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ รวมเวลาที่ทําสงครามกัน 4 ปีเต็ม และจบลงด้วยการที่ฝ่ายใต้เป็นฝ่ายปราชัย
แต่จุดหักเหที่ทําให้กองทัพฝ่ายเหนือชนะกองทัพฝ่ายใต้คือศึกในสมรภูมิเกตตีสเบิร์ก ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ แวดล้อมด้วยหุบเขาในรัฐเพนซิลเวเนีย การเผชิญหน้ากันโดยบังเอิญของทหารทั้งสองฝ่ายทําให้เมืองนี้กลายเป็นจุดพลิกผันทางประวัติศาสตร์ หลังสงครามศพทหารและซากม้านับหมื่นร่างระเกะระกะเกลื่อนเมืองในฤดูร้อน ซากเน่าเหล่านี้เหม็นตลบอบอวลไปทั้งเมือง จนชาวเมืองทั้งเกตตีสเบิร์กและเมืองข้างเคียงล้มป่วยไปตามกันเพราะกลิ่นอันสุดทนทาน แต่ท่ามกลางความเศร้ายังมีแง่งามให้กล่าวถึง การเสียชีวิตของทหารคนหนึ่งนํามาสู่การก่อตั้งสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าจากสงคราม และเรื่องราวของทหารหนุ่มคนนี้ยังคงเล่าขานสืบต่อมาถึงปัจจุบัน
เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ รวมทั้งบทสนทนาระหว่างแม่ทัพ คือความเป็นจริงที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ดิฉันเคยไปเกตตีสเบิร์กเพื่อแวะเยี่ยมอนุสรณ์สถานต่างๆ จึงพยายามถ่ายทอดรายละเอียดเกี่ยวกับเมืองนี้ ทั้งมิติในอดีตและปัจจุบัน เพื่อสะท้อนภาพความโหดร้ายของสงครามและภาวนาว่าอย่าได้เกิดขึ้นที่ใดในโลกเลย
เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ รัฐอินเดียนา สหรัฐอเมริกา