รายละเอียด : ร็อกศึกษา: สุนทรียะ - การเมือง - พื้นที่
ร็อกศึกษา: สุนทรียะ - การเมือง - พื้นที่
นับจากดนตรีร็อกถือกําเนิดขึ้นในอเมริกาช่วงต้นทศวรรษ 1950 ร็อกไม่เคยตาย แต่ได้กลายรูปเป็นแนวดนตรีรูปแบบอื่นอีกมากมาย ที่ครองใจคนหนุ่มสาวในทศวรรษต่างๆ แต่ยิ่งกว่านั้น ร็อกยังไม่ได้เป็นแค่แนวดนตรี แต่ยังเป็นกระแสวัฒนธรรมที่มีปริบททางการเมืองและสังคมอีกด้วย โดยเฉพาะประเด็นของการเป็นกระแสต้านวัฒนธรรมกระแสหลัก แม้ว่าในด้านหนึ่ง ดนตรีร็อกกระแสหลักได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมทางวัฒนธรรมที่มีมูลค่าทางการตลาดในระบบทุนนิยมไปแล้วก็ตาม
หนังสือเล่มนี้เป็นการรวมบทสัมภาษณ์และบทความวิเคราะห์ดนตรีแนวร็อกในแนวทางแบบหลัง ที่ครอบคลุมร็อกรูปแบบต่างๆ ในโลกตะวันตกและในเอเชีย แม้แต่ในบทสัมภาษณ์ก็ไม่ใช่แค่สัมภาษณ์นักวิชาการที่ศึกษาร็อกหรือนักดนตรีแค่นั้น แต่ยังตบท้ายด้วยบทวิเคราะห์ของผู้เขียนที่ช่วยเสริมความเข้าใจปริบทเบื้องหลัง รวมถึงข้อเสนอต่อยอดความคิดใน ประเด็นนั้นๆ ซึ่งผู้เขียนสามารถนําเสนอประเด็นได้ในเชิงลึกอย่างน่าสนใจยิ่ง
ร็อกศึกษา ซึ่งเป็นแขนงหนึ่งของวัฒนธรรมศึกษา ศึกษาอะไร เมื่อคุณอ่านหนังสือเล่มนี้ คุณจะเกิดความเข้าใจพื้นฐานระดับหนึ่งเกี่ยวกับร็อกศึกษา เริ่มเข้าใจความคิดบางส่วนของผู้ศึกษาดนตรีร็อกอย่างเป็นวิชาการ มองเห็นอิทธิพลของร็อกต่อสังคม และอิทธิพลของสังคมต่อร็อก ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจเรื่องของการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมจากคนชั่วรุ่นหนึ่งไปยังอีกชั่วรุ่น หนังสือเล่มนี้จึงเป็นทั้งการบุกเบิกร็อกศึกษาในสังคมไทย และการคิดต่อยอดทางวิชาการในด้านวัฒนธรรมศึกษา อันนับเป็นย่างก้าวที่สําคัญสําหรับการทําความเข้าใจวัฒนธรรมร่วมสมัย
บุญส่ง ชัยสิงห์กานานนท์ (คำนิยม)
สารบัญ : ร็อกศึกษา: สุนทรียะ - การเมือง - พื้นที่
- บทที่ 0 วาย (วัย) ร้ายที่เรียกว่า ร็อก
- บทที่ 1 ร็อกไม่เคยตาย...ใครบอกมึงวะ
- บทที่ 2 ด็อกร็อก: บทสัมภาษณ์ ลอว์เรนซ์ กรอสเบิร์ก
- บทที่ 3 ซิกกี้กีต้าร์อีซ้ายผู้มีเซ็กส์กับอินทรี...ใครเหรอ
- บทที่ 4 "อินดี้อินเอเชีย/อิงแลนด์" : เศรษฐกิจ = การเมือง = อัตลักษณ์
- บทที่ 5 "ร็อกเปลี่ยนโลก/โลกเปลี่ยนร็อก": ศิลปินร็อกกับโลกาภิวัฒน์ของเวิลด์มิวสิค
- บทที่ 6 อ๋ายหยา! ลวดลายมังกรร็อก: การเมืองทางวัฒนธรรมของดนตรีร็อกในจีนและไต้หวัน
- บทที่ 7 ศาสดาของข้าคือพังก์!!: บทสัมภาษณ์ The Rebel Riot
เนื้อหาปกหลัง : ร็อกศึกษา: สุนทรียะ - การเมือง - พื้นที่
ร็อกเป็นปรากฏการณ์ในระดับโลกนับตั้งแต่ทศวรรษแรกที่ถือกําเนิดเมื่อเกือบ 70 ปีก่อน ดังนั้นมันยังมีนิทานพื้นบ้านว่าด้วยร็อก (rock folktale) ในแต่ละที่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักอีกมากมาย นิทานเหล่านี้มีทั้งที่เกิดในบริบทความเป็นสมัยใหม่แบบตะวันตก ในบริบทของการกลายเป็นตะวันตก (Westernization) การทําให้เป็นอเมริกัน (Americanization) การทําให้เป็นสมัยใหม่ (modernization) รวมถึงนิทานในบริบทข้ามวัฒนธรรม/ข้ามพรมแดนรัฐชาติ (transcultural/transnational) เราจะเห็นว่ามีคนเลียนแบบ เอลวิส เพรสลีย์, บ็อบ ดีแลน, เคิร์ท โคเบน, เลียม กัลลาเกอร์ ไปทั่วโลก เราจะเห็นว่าอุดมการณ์ร็อกต้านสังคม/ร็อกเปลี่ยนโลก มาพร้อมๆ กับมโนทัศน์วัฒนธรรมเสื่อม (decadent culture) ที่ทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาต่างนับญาติกับ “พวกร็อก” อย่างไม่สนิทใจ ยังไม่นับรวมรัฐบาลประชาธิปไตยและเผด็จการในต่างๆ ที่ พร้อมเป็นทั้งมิตรและศัตรูกับพวกร็อก
บางส่วนจาก “วาย(วัย)ร้ายที่เรียกว่า ร็อก”