รายละเอียด : รักสุดสวิส The Secret Life of the Hotelier

รักสุดสวิส The Secret Life of the Hotelier

ถ้าเปรียบชีวิตเป็นเหมือนหนังสือเล่มหนึ่ง ผู้เขียนเชื่อว่าทุกคนมีตอนโปรดกันทั้งนั้น หนังสือเล่มนี้คือตอนโปรดของชีวิตผู้เขียน เพราะมันเป็นช่วงชีวิตที่ไม่ต้องกังวล สนุกสุดเหวี่ยง และได้โอกาสดีๆ หลายอย่าง ผู้เขียนขอแจ้งคุณผู้อ่านล่วงหน้าว่าหนังสือเล่มนี้เป็นเพียงมุมมองของเด็กคนหนึ่ง ที่ได้ไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ และอยากถ่ายทอดประสบการณ์นั้น อาจจะมีบางความคิดที่คุณผู้อ่านไม่เห็นด้วย ผู้เขียนอยากขออภัยล่วงหน้าและชี้แจงว่าผู้เขียนไม่มีเจตนามิชอบแต่อย่างใดเลย

นอกจากชีวิตการเรียนที่สวิตเซอร์แลนด์ ผู้เขียนยังแถมเรื่องราวที่ได้เรียนรู้ชีวิตจริงในการทํางานอุตสาหกรรมการโรงแรม มันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอก จากตอนเด็กที่เคยสงสัยว่าวันๆ หนึ่งนักท่องเที่ยวไหลพรั่งพรูเข้ามาในประเทศเราเยอะขนาดนี้ได้อย่างไร จนวันนี้ก็ได้เข้าใจกลไกทางการตลาดที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เทคนิคและกลไกมากมายที่จะเป็นประโยชน์สําหรับคนสนใจอยากทํางานวงการเดียวกับผู้เขียน แต่ถึงคุณไม่ได้สนใจงานโรงแรม ผู้เขียนก็ยังหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะให้สาระและความบันเทิงแก่คุณไม่มากก็น้อย

คุณจะได้เจอกับชีวิตแบบโรลเลอร์โคสเตอร์ ตั้งแต่เรียนไปจนทํางาน อุปสรรคในการทํางาน การเดินทางไปต่างประเทศเพื่อทํางาน ประสบการณ์แปลกๆ ไล่ไปตั้งแต่จีน อินเดีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน เวลาที่ผ่านมาทําให้ผู้เขียนได้เรียนรู้และเข้าใจว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับมุมที่เราจะเลือกมอง ผู้เขียนไม่อาจตอบได้ว่าคุณจะได้ประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้มากน้อยแค่ไหน แต่ผู้เขียนการันตีได้อย่างหนึ่งว่าเมื่ออ่านจบแล้ว เราจะกลายเป็นเพื่อนกัน

ออมหมี

สารบัญ : รักสุดสวิส The Secret Life of the Hotelier

• 001 นอนใต้หลังคา เรียนริมทะเลสาบ
• 002 11.11 น. อธิษฐานสิจ๊ะ
• 003 นึกว่าจะชอบคนเกาหลี
• 004 This is cheese. This is apple.
• 005 เล่นเอ็มวีข้างทะเลสาบ
• 006 แม่ครัวหัวป่าก์ฉบับพันทิปดอตคอม
• 007 อาหารจากถังขยะ...เหรอ!?
• 008 ความรักในโฮสเต็ล

เนื้อหาปกหลัง : รักสุดสวิส The Secret Life of the Hotelier

พอถึงวีคที่สามของการทําเซอร์วิส ห้องอาหาร (not) fine dining (at all) กลายร่างเป็น Hell's Kitchen สมบูรณ์แบบ ฉันโดนด่าตั้งแต่หัววันเพราะมัวแต่สะบัดผ้าปูโต๊ะ ฉันคิดว่าการร้องไห้ไม่ได้ช่วยอะไร ที่สําคัญคือ เราต้องมีสติ แกร๊ง! ฉันหันไปเจอลิสซี่ร่วงล้ม พร้อมจานของหวานกระจายอยู่ที่พื้น สัญชาตญาณของเราคือรีบวางจานและวิ่งไปช่วยเพื่อน แต่มิสเตอร์คูบัทก็ตะโกนเสียงดังสนั่น “Nant, go serve the guest!” ฉันเลิ่กลั่ก “I said NOW!”

รีวิวโดยสำนักพิมพ์ : รักสุดสวิส The Secret Life of the Hotelier

เวลาคุณเดินเข้าไปในโรงแรมห้าดาว (หรือหก) คุณรู้สึกถึงอะไรบ้าง ความเย็นของแอร์ ความเงาวับของพื้นหินอ่อน ความรื่นรมย์ของเสียงเปียโน ความนุ่มของพรมเปอร์เซีย กลิ่นหอมของดอกไม้เมืองหนาว ละอองความแพงที่ลอยเป็นประกายระยิบระยับอยู่ในอากาศ แล้วคุณว่าคนที่ทํางานที่นี่จะเป็นคนยังไง ใส่สูทเรียบกริบ หน้าแน่น ปากแดง เส้นผมสุขภาพดี เดินตัวตรงบนรองเท้าส้นเข็มแบรนด์หรู ต้องเรียนจบเมืองนอก ถึงพูดภาษาอังกฤษด้วยศัพท์ยากที่สุดเท่าที่คุณเคยฟังมาและทําทุกอย่างถูกต้องตลอดเวลา ใช่เลยค่ะกับน้องออมสิน นักเขียนของเราคนนี้ ออมสินเรียนปริญญาตรีที่จุฬาฯ แล้วไปเรียนต่อด้านการโรงแรมจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เธอเดินทางเที่ยวยุโรปเป็นงานอดิเรก ออกเดตกับนายแบบพราด้า (seriously!) และกลับมาเมืองไทยเพื่อบริหารโรงแรมของครอบครัวที่เชียงใหม่ เพราะฉะนั้นก็แน่นอนเลยว่าในหนังสือเล่มนี้ คุณจะได้อ่านประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟของเธอ ที่เต็มไปด้วยความพัง! พินาศ! นังเด๋อ! แอ๊บแอ้! และ...มีความชะนีขั้นสุด!

เรารู้อยู่แล้วว่าทุกอาชีพมีเบื้องลึกเบื้องหลัง ยิ่งอาชีพที่เบื้องหน้าเป๊ะมาก เบื้องหลังก็จะพังมากดุจเดียวกัน เรื่องราวของออมสินทําให้เรารู้ว่าเบื้องหลังการมีอยู่ของโรงแรมห้าดาวที่หรูหราจนน่าพรั่นพรึงนั้น มีชีวิต มีเลือดเนื้อ และอัดแน่นด้วยมิตรภาพแสนอบอุ่นของมนุษย์ตาดําๆ ฟ้าๆ เขียวๆ ที่ผ่านกระบวนการฝึกฝนอบรมหนักหนาสาหัสมาด้วยกัน กว่าจะมายืนหน้าแน่น ฉีกยิ้มต้อนรับเราทุกวันนี้ ความเข้มข้นของการเรียนรู้ทุกศาสตร์วิชา หากผ่านมันไปได้ จะก่อให้เกิดสองอย่างในตัวผู้เรียน คือ หนึ่ง แพสชัน (ทําสิ่งนั้นอย่างหมกมุ่นลุ่มหลง ทําเองโดยไม่ต้องให้ใครสั่ง), สอง สปิริต (พร้อมตายในหน้าที่ ไม่ว่าจะเหนื่อยจะเมาจะปวดท้องเมนส์ใดๆ) ในโลกของการทํางานจริง องค์ความรู้ที่เราร่ำเรียนมา ช่วยให้เราทําหน้าที่ของเราได้ราบรื่น แต่เป็นสองอย่างนี้ต่างหากที่ให้เราผ่านพ้นทุกวิกฤติได้อย่างสง่างาม และทําให้เรา "ฟิน" กับตัวเอง เหมือนออมสินคนนี้

ชมพูนุท ดีประวัติ (บรรณาธิการเล่ม)