รายละเอียด : เจ้าใจจอมขวัญ
เจ้าใจจอมขวัญ
ชายผู้ห่มคลุมหนังราชสีห์ พระจันทร์ลอยเด่นเป็นดวงกลมสีเงินยวง ฟ้าเปิดจนเผยให้เห็นหมู่ดาวระยิบระยับ ลมหนาวพัดแรงเป็นระลอกพาให้ยอดไม้ขยับไหว ความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาไฟริมทะเลทำให้หลากหลายชีวิตต่างกระตือรือร้นออกหากินในยามดึกของคืนที่อากาศดี
“ขวา! มันอยู่ทางขวา!” เสียงตะโกนของกลุ่มชายฉกรรจ์ทำให้ฝูงนกบนต้นไม้แตกฮืออย่างตื่นตระหนก แต่คงไม่มากเท่าหญิงสาวร่างบางคนหนึ่งที่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนฝ่าป่าทึบ กิ่งไม้และเถาวัลย์หนามสร้างบาดแผลบนผิวขาวเนียนละเอียด ซ้ำยังเกี่ยวชายกระโปรงจนขาดวิ่น ฝ่าเท้าเปล่าเปลือยทิ้งรอยเลือดไว้บนรากไม้ เธอเบิกตาจ้องมองหาทางรอดจนไม่ได้สนใจความเจ็บปวด
กระท่อมเก็บของป่า บ้านคน คน หรืออาวุธก็ยังดี!
คิดพลางกัดฟันเดินแหวกกลุ่มใบไม้หนา แสงคบเพลิงใกล้เข้ามาเต็มที ความกล้าปะปนกับความกลัวเรียกน้ำตาให้รินไหล แสงจันทร์ส่องสว่างไปทั่วเช่นนี้ หากเธอมองเห็นแขนตัวเอง ศัตรูก็ต้องเห็นเช่นกัน “ลูเซีย!” เสียงตะโกนดังไล่หลัง “เจ้าไปไหนไม่รอดหรอก จงยอมจำนน แล้วจะฆ่าเจ้าอย่างปรานี!” ขอให้เทพเจ้าลงทัณฑ์พวกเจ้า เจ้าคนชั่ว! จู่ๆ กิ่งไม้ขนาดกลางก็ดีดใส่หน้าจนล้มหงาย เธอรู้สึกเหมือนมีกลุ่มดาวกะพริบพราวตรงหน้า แต่เพียงแวบเดียวก็กัดฟันลุกขึ้นวิ่งต่อ ทว่ายิ่งวิ่งแนวไม้ก็ยิ่งบางลง สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าใกล้สุดเขตป่าเต็มที บางทีเธออาจเจอหมู่บ้าน หวังว่าการป่าวร้องจะเรียกใครมาช่วยได้
พื้นที่โล่งกว้างชวนให้โล่งใจ แต่มันไม่ใช่หมู่บ้านดั่งหวัง เป็นเพียงพื้นที่ที่ถูกถางเพื่อให้พรานป่าได้ก่อฟืนพักแรม ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีกองไฟเก่า ไม่มีรอยเท้า ลูเซียหันมองรอบกาย แสงจันทร์ส่องให้เห็นทางสัญจรเล็กๆ เธอมั่นใจในฝีเท้าตัวเองพอตัวจึงเลือกทางโล่งที่ใช้ความเร็วได้มากกว่าแนวพุ่มไม้ที่ต้องใช้แรงกายเปิดทาง หญิงสาววิ่งพลางน้ำตาไหลพราก ตลอดหลายสัปดาห์ที่อยู่บนเรือขนทาสเธอฝืนทนข่มความกลัว ด้วยรู้ดีว่าทันทีที่ถึงปลายทางเธอจะต้องตาย ฉะนั้นเมื่อสบโอกาสจึงหนีผู้คุม กระโดดลงทะเลและว่ายน้ำหนีจนมาถึงป่าแห่งนี้ ไม่มีวันเสียละที่ข้าจะยอมแพ้ หากต้องตายด้วยน้ำมือชาวมาลดีน ก็ขอตายด้วยกรงเล็บสัตว์ป่าดีกว่า!
คิดถึงตรงนี้จู่ๆ ก็มีร่างแปลกประหลาดขนาดใหญ่กระโจนตัดหน้า ทำเอาเธอตกใจจนล้มตึง!
เสียงขู่กระโชกดังแว่ว กลิ่นสาบสุนัขป่าลอยโชยมาตามลม ดวงตาสีเขียวแวววาวปรากฏในความมืด เจ้าสัตว์ร้ายสองหัวตรงหน้าอาจมีน้ำหนักมากกว่ามนุษย์ถึงสี่หรือห้าเท่า เธอหวาดกลัวสุดขีดจนร่างแข็งเกร็ง กล่องเสียงหยุดทำงานกะทันหันจึงไม่ได้กรีดร้อง แต่แล้วหัวหนึ่งของมันก็แยกร่างออกจากหลัง ลูเซียมองด้วยความตกตะลึง กระทั่งอีกฝ่ายปรากฏพ้นเงาไม้ แสงจันทร์จึงทำให้รู้ว่าเขาเป็นมนุษย์ห่มคลุมชุดหนังราชสีห์ ใบหน้าปริศนาซ่อนอยู่ใต้เงาฮู้ด
“เจ้าเป็นใคร” สำเนียงและสุ้มเสียงทุ้มต่ำชวนให้คิดว่าเขาเป็นชนชั้นสูง “นายท่าน!” เธอรีบขยับนั่งในท่าคุกเข่า “เมตตาด้วยเจ้าค่ะ โจรลักพาข้ามาจากบ้าน พวกมันตามมาเดี๋ยวนี้แล้ว!” เขาผินหน้าไปยังไฟสามดวงที่เข้ามาใกล้ทุกขณะ ลูเซียตัวสั่นเทิ้ม ไม่รู้ชะตากรรมว่าคนผู้นี้จะช่วยหรือจะปล่อยให้ตายกันแน่ กระทั่งชายฉกรรจ์เจ้าของคบเพลิงเดินแหวกออกมาจากทิวไม้หนาทึบ พวกมันสบถซ้ำๆ อย่างเหลืออด ระยะห่างหลายช่วงตัวไม่ช่วยให้หญิงสาวเบาใจได้เลย
“ลูเซีย เจ้ามันตัวปัญหาจริงๆ” คนหนึ่งคำรามแล้วหันมองชายสวมฮู้ด “แล้วเจ้าเป็นใคร!” “ข้าต่างหากที่ควรถาม พวกเจ้าเหยียบแผ่นดินของข้าอยู่นะ” คนถูกถามถ่มน้ำลายลงพื้น “ช่างหัวแผ่นดินเจ้า ไม่ใช่ธุระ อย่ามายุ่ง!” พูดจบก็ก้าวเข้าหา ลูเซียรีบคลานเข้ากอดท่อนขากำยำแล้วร้องอย่างตื่นตระหนก
“นายท่าน เมตตาข้าด้วย!” เขายืนเฉย ครู่หนึ่งก็เอ่ยเบาๆ “ซาไล”
คำตอบรับคือเสียงขู่คำราม เจ้าสัตว์ร้ายเผยตัวออกจากเงา ร่างกายใหญ่โตทำเอาผู้พบเห็นต้องผวา เพียงยืนสี่เท้ายังสูงเลยเอว หากยืนสองขาคงพ้นศีรษะไปไกล เหล่าคนร้ายจึงชะงักทันที
“ลองเข้ามาอีกก้าวสิ ซาไลของข้าจะได้อิ่มในคืนนี้” “หน็อย เจ้า...ไอ้พรานป่าช่างเสือก!” มันล้วงหลังเสื้อคลุม หยิบหน้าไม้ออกมาแล้วยิงใส่ชายสวมฮู้ด ลูเซียเบิกตาโต พุ่งตัวไปผลักเขาให้พ้นวิถีลูกหน้าไม้ ไม่อยากเห็นใครบาดเจ็บเพื่อเราอีกแล้ว!