รายละเอียด : กล้าชิงดวงแก้ว
กล้าหาญ ลูกชายของแก้วกล้าและเมขลา ในอีกสิบแปดปีข้างหน้า ถูกส่งกลับมาให้มาอยู่ในครอบครัว โดยมีจดหมายของเจ้าเพ็ญเขียนมาถึงพุดพราวและบอกว่าเกิดอะไรขึ้น และย้ำว่า "อย่าให้ใครรู้เด็ดขาด" แต่สุดท้ายพุดพราวก็รู้ทั้งเรือน ยกเว้น แก้วกล้า เมขลา เจ้าเพ็ญ และท่านเพิ่ม
กล้าหาญไม่ได้กลับมาเฉยๆ เขามาพร้อมข้อมูลในอนาคต ที่จะช่วยให้ครอบครัวรอดพ้นจากการถูกประหารยกเรือนได้หรือเปล่า ขึ้นอยู่กับทุกคนแล้วว่า จะรับมือได้อย่างไร เพราะแม้จะรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไร แต่ดูแล้วเหมือนมันแก้ไขไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไรดี
"สารตราเสือ" จากเสือหมอบ ถูกส่งถึงมือพุดพราวเป็นครั้งที่สองในชีวิต พุดพราวจึงรู้แล้วว่า ใครกันที่สั่งประหารตนและครอบครัว อยู่ที่นางแล้วว่า จะหาวิธียับยั้งเรื่องนี้ได้หรือไม่ แล้วจะลงมืออย่างไร ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อทุกคนที่นางรัก
ในฟากของกล้าหาญที่ได้มีโอกาสย้อนเวลากลับมาอยู่กับพ่อแม่ แม้เขาจะบอกไม่ได้ว่าตนคือลูก แต่การได้อยู่ใกล้ชิด ได้พูดคุย ได้ใช้เวลาร่วมกัน ทำให้เขาตระหนักรู้ได้ถึงความยากลำบากที่แก้วกล้าบิดาเขาซึ่งเป็นเพียงขุนนางคนหนึ่ง แต่กลับต้องแบกรับความมั่นคงของอโยธยาเอาไว้บนแผ่นหลัง ไหนจะศึกรอบทิศ เมื่อพวกดั้งขอมันพร้อมล่าอาณานิคมได้ทุกเมื่อ แล้วยังจะมีสงครามการค้ากับต่างชาติที่เพิ่งเริ่มต้น ขุนนางอโยธยาเองยังแตกระส่ำระสายไม่เป็นหนึ่งเดียว นั่นเพราะผู้นำที่อ่อนแอ จึงส่งผลต่อภาพรวมของบ้านเมือง
หรือทางแก้ไขของทุกปัญหา มันอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงของผู้นำ?
แล้วในครอบครัวนี้ คนที่มีสิทธิ์ก้าวขึ้นไปสู่ฐานของผู้นำ ก็มีเพียง...เจ้าเพ็ญ ในฐานะ พระองค์เจ้าเพ็ญจันทร์ เพียงคนเดียว
ไม่อาจรู้ได้เลยว่า ครอบครัวจะฟันฝ่าวิกฤตไปได้สักเพียงไหน อีกสิบแปดปีข้างหน้า มันฟังดูยาวนานเกินไป พวกเขาจะรอดพ้นจากความตายในตอนสุดท้ายหรือเปล่า หรือต้องฝากชีวิตไว้กับบุญกรรมแต่หนหลัง แต่ชะตากรรมย่อมถูกกำหนดด้วยมือเรา มิใช่พรจากเทวดาหรือคำสาปจากปิศาจร้าย
เมื่อเด็ดดอกไม้แล้วสะเทือนถึงดวงดาว
ก็คงทำได้แค่ยอมรับผลของการเด็ดดอกไม้ทุกดอก ทำทุกอย่างด้วยความมีสติ เชื่อว่าเมื่อคิดดีทำดี ตอนจบย่อมถูกเบี่ยงเบนออกไปได้ แต่นั่นคงต้องรอดูสิบแปดปีหลังจากนี้แล้วกระมัง...