รายละเอียด : บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง เล่ม 1
หลี่เมิ่งเหยาจงตื่น
ดวงตาของนางกะพริบอยู่สองสามที
ข้าบอกให้เจ้าตื่น หลี่เมิ่งเหยา !
เปลือกตาของเด็กสาวเปิดขึ้นในทันที บรรยากาศรอบตัวกลายเป็นหมอกควันสีขาว ทอดกว้างออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่ เป็นความจริงหรือความฝัน
“ท่านเป็นใคร”
นางเอ่ยถามชายชราเคราขาวโพลน ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ข้าเป็นดวงวิญญาณคุ้มครองกำไลหยกบนข้อมือของเจ้า”
“ดวงวิญญาณคุ้มครอง ท่านมาทวงกำไลหยกคืนรึไง เช่นนั้นก็เอาไปเถอะ แล้วส่งข้ากลับไปยังโลกเดิมได้หรือไม่”
“เฮอะ ช่างกล้าเอ่ย ร่างกายเจ้าดับสูญไปแล้ว เหลือเพียงดวงวิญญาณ ล่องลอยมาพร้อมกับกำไลของข้า”
“ข้าแค่สวมใส่กำไลวงนี้ จากนั้นก็จำสิ่งใดไม่ได้อีกเลย ท่านบอกได้ไหม ว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้าที่โน่น”
“เจ้าคงตายกะทันหันเลยจำไม่ได้ ตอนเจ้าสวมกำไลวงนี้ คานไม้ด้านบนร่วงใส่หัวของเจ้า ทำให้เจ้าตายในทันที หากเจ้าไม่ได้สวมกำไลนี้ติดข้อมือไว้ คงได้เวียนว่ายไปอยู่ในปรโลกแล้ว แต่ข้าไม่รู้ว่าทำไมกำไล จึงเลือกพาดวงวิญญาณของเจ้า ล่องลอยข้ามภพ กลับมาอยู่ในร่างของแม่หนูผู้นี้ได้”
“ขะข้าตายแล้วจริง ๆ สินะ” แม้คาดเดาไว้ก่อนหน้านี้ แต่พอได้ยินกับหู หัวใจของนางกลับสั่นคลอนแทบยืนไม่อยู่
“เศร้าไปก็ไม่ช่วยอันใด ที่ข้าปลุกเจ้าตื่น เพราะวันเวลาของข้าได้หมดสิ้นลงแล้ว นับจากนี้ไปเจ้าเป็นเจ้าของกำไลวงนี้ต่อจากข้า”
“ท่านเป็นวิญญาณคุ้มครองกำไลแต่ข้าเป็นมนุษย์ จะไปมีความสามารถใดคุ้มครองกำไลได้”
“ข้าถึงได้แปลกใจนัก เหตุใดกำไลหยกโลกันตร์ ถึงได้เลือกมนุษย์ธรรมดาเช่นเจ้า แทนที่จะเป็นดวงวิญญาณ ที่บำเพ็ญเพียรมานับร้อยนับพันปีเช่นข้า”
“กำไลหยกโลกันตร์ ชื่อน่ากลัวอะไรเช่นนี้” นางยกกำไลบนข้อมือขึ้นพิจารณาดูอีกรอบ
“มันเป็นเพียงแค่ชื่อ ความจริงมันเป็นหยกจากเพลิงลาวา หลอมเหลวผ่านวันเวลา มานับหมื่นหมื่นปี มีท่านเซียนผู้หนึ่งได้เก็บกักความปรารถนาของผู้คน เอาไว้ในกำไลวงนี้ ผู้ใดได้ครอบครองนับว่าเป็นวาสนาที่ดี”
หลี่เมิ่งเหยางุนงง อันใดคือเก็บกักความปรารถนาของผู้คนเอาไว้ “กำไลนี่ขอพรได้เช่นนั้นรึ”
“ไหนเลยจะง่ายดายเช่นนั้น สถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับฝึกฝนวิชาความสามารถของเจ้า แต่ตอนนี้เจ้าเข้ามาได้เฉพาะยามนอนหลับเท่านั้น มีเคล็ดวิชาอยู่ในนี้มากมาย เจ้าสามารถเลือกนำไปฝึกฝนได้ เมื่อจิตใจเจ้าหลอมรวมเป็นหนึ่ง กับกำไลหยกโลกันตร์ได้ ภายภาคหน้าย่อมสุขสบายอย่างไร้ทุกข์ จงหมั่นฝึกฝนเข้าล่ะ เวลาของข้า...ได้ดับมอดลงแล้ว”
ร่างของวิญญาณคุ้มครองหยกโลกันตร์ ค่อย ๆ จางหายไป กระทั่งกลายเป็นดวงดาวลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
“เหยาเอ๋อร์ตื่นได้แล้ว” เสียงของมารดาเขย่าปลุก ทำให้หลี่เมิ่งเหยา ตื่นขึ้นจากภวังค์ความฝัน
นี่มันเรื่องจริงหรือ
“ท่านแม่ หน้าท่าน”
เฉาซูหลิ่งยกนิ้วขึ้นแตะใบหน้าตัวเองเบา ๆ
“หน้าข้าคงดูไม่ได้เลยใช่ไหม ฝุ่นเยอะมาก กว่าข้าจะปัดกวาดเช็ดถูกเสร็จ เหนื่อยแทบตาย เจ้าเข้าไปนอนพักผ่อนด้านในก่อนเถอะ นี่ใกล้มืดค่ำแล้ว ดีที่แวะซื้อของกินมาก่อน ไม่เช่นนั้นคืนนี้ คงได้อดข้าวเป็นแน่”